หนาวเมษา ..ภาวะโลกรวนที่ต้องดูแล #ClimateChange
ไทยมีหน้าร้อน เย็นจัดที่ 21องศา น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เหมือนเป็นเรื่องที่น่ายินดี.. เพียงแต่ถ้าพิจารณาช่วงเวลา นี่คือ "หน้าหนาวกลางหน้าร้อน" กับปรากฏการณ์ใหม่ที่กรมอุตุฯเรียกว่า กระแส "Jet Stream" (ผู้เขียนมองว่าคือ "Polar Vortex" กลางเส้นศูนย์สูตร) ..ลมหนาวจากขั้วโลกพุ่งเข้าสู่ใจกลางโลก โดยทะลุผ่านกำแพงกระแสลมอุ่นได้ ทั้งหมดเกิดจาก ภาวะสภาพแวดล้อมที่ไม่ปกติ (Climate Change) ..ไม่ใช่แค่มนุษย์ที่ได้ผลกระทบ แต่สัตว์และพืชพันธุ์ทั้งโลก ก็พาลโดนไปด้วย
.
.
เรื่องนี้ใหม่สำหรับบ้านเรา.. แต่สำหรับประเทศอื่น ได้รับผลกระทบนานแล้ว อย่างที่ผมเคยเจอที่ เมืองชิคาโก ประเทศอเมริกา ปรากฎการณ์ Polar vortex ทำให้คลื่นทะเลแข็งเป็นน้ำแข็งทั้งทะเล ที่อุณหภูมิต่ำกว่า -30องศา ..ซึ่งน้อยกว่าหน้าหนาว ที่มันควรจะเป็น
.
.
หนำซ้ำผลร้ายของมัน ขยายผลทั่วโลกแล้วดังนี้
◼️ ประเทศจีนและบราซิลพบกับความแห้งแล้งครั้งประวัติศาสตร์ จนผลผลิตถั่วเหลืองและข้าวสาลีพังย่อยยับ ส่งผลให้ราคาแพงขึ้นมาก ในปี2021
◼️ ความแห้งแล้ง ในประเทศตูนิเซีย และโมร็อคโค ทำให้แทบไม่เหลือ น้ำในเขื่อน สำหรับการผลิตไฟฟ้า
◼️ ธารน้ำแข็งละลาย 20%เร็วกว่าที่ทุกคนประเมิน น้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาละยัน หรือ เทือกเขาแอนดิส ละลายเร็ว ส่งผลต่อระดับน้ำโลกที่ขึ้นสูง
◼️ อากาศร้อนที่หายไปในปีนี้ ฝนที่ตกบ่อยขึ้นอย่างผิดฤดูอาจเกิดจากองศาความร้อนของโลกที่มากขึ้นเรื่อยๆเผาหน้าน้ำให้กลายเป็นไอมากขึ้นเกิดเป็น Atmospheric River ขึ้นไปอัดแน่นบนชั้นบรรยากาศแต่ไม่ตกมาเป็นฝน
.
.
นอกจากเรื่องร้อนผิดหน้า หนาวผิดฤดู ซึ่งเจอะเจอกันมา ..เรื่องหายนะ กว่านั้นคือ ความไม่สมดุลย์ อาจะก่อให้เกิดโรคระบาดใหม่ๆ อย่างที่เราพึ่งเจอใน วิกฤติตลอด 2ปีกว่านี้
.
.
หลายคนเชื่อว่าการระบาด ก่อนหน้าต้นเหตุคือ การที่มีคนเปิบพิศดาลค้างคาว... แท้จริงจากผลพิสูจน์หลายฝ่ายยืนยัน ว่าไม่จริง และเป็นผลกระทบจากสภาวะโลกรวน (Climate Change) การที่สัตว์ป่าที่อาศัยในหน้าร้อน ซึ่งไม่ควรต้องโคจร พบกับพืชในหน้าหนาว แต่เมื่ออากาศเปลี่ยนรุนแรงแบบนี้ ทำให้สองสิ่งในธรรมชาติ ที่สร้างมาให้แยกกัน แต่ดันมาเจอกัน เช่น ค้างคาว หรือนกเค้าแมว Common poorwills ที่ควรเริ่มจำศีลประมาณเดือนตค. - พย. แต่อากาศร้อนจนทำให้มันไม่รู้ว่าควรบินอพยพไปจำศีล ยังออกไปหาปกติ จนกินพืชหน้าหนาว ที่ไม่เคยกินมาก่อน
มูลฝอยจากค้างคาว ที่ทิ้งไว้ เป็นสารประกอบใหม่ที่บนโลกไม่เคยมี เมื่อสัตว์ในระบบนิเวศน์ได้รับสิ่งนั้นเข้าไป จากสัตว์เล็กๆที่กินมูล ไปจนสัตว์ขนาดใหญ่ขึ้น ไปจนมนุษย์ได้รับประทานผลผลิตดังกล่าว.. จึงเกิดโรคประหลาดเกิดขึ้น
.
.
ที่ผมต้องการย้ำคือ สภาวะโลกรวน (Climate Change) อาจดูไกลตัว อาจดูไม่ได้กระทบรุ่นพ่อแม่-พี่น้องเราตอนนี้
แต่หากเรามองถึงอนาคตลูกหลาน นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ.. อาจมีโรคระบาดใหม่ที่หนักกว่านี้ จะอุบัติขึ้น
ฉะนั้นนโยบาย ง่ายๆเช่น ลดการใช้ถุงพลาสติก, การลดการทำปศุสัตว์ ที่ก่อให้เกิดแก๊สมีเทน โดยใช้โปรตีนพืชทดแทน, การใช้รถชาร์จไฟฟ้า EV แทนรถที่บริโภคน้ำมัน เป็นต้น.... ที่จะช่วยลดสภาวะแปรปรวนได้นั้น สำคัญมาก
.
.
ขอให้ทุกท่านตระหนัก และช่วยกันลดปฏิกูลบนสายพานการผลิต รีไซเคิลของเก่าให้มาก
จะช่วยลดการก่อเกิดคาร์บอน CO2 emission ทั้งเชิงอินทรีย์ และเคมีทั้งปวง
ความร่วมมือเล็กๆ ระหว่างรัฐ และประชาชน
ต้องทำจริงจังตอนนี้ ก่อนสายไป..