กร่อยไม่กร่อย? ..งานAPECที่ไร้เงาไบเดน ปูติน 🔴

สัปดาห์นี้แล้ว กับงานเอเปค2022 สุดยอดงานประชุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่จัดที่ประเทศไทย.. ซึ่งหลายฝ่ายก็จับตามองว่า เมื่อไร้เงาโจ ไบเดน - วลาดีเมีย ปูติน - ปธน.เกาหลีใต้ ซึ่งไม่สามารถมาร่วมงานได้ ไม่ว่าด้วยเหตุสุดวิสัย หรือมีนัยยะทางการเมืองก็ตาม.. งานเอเปคครั้งนี้จะง่อย ไร้ประสิทธิภาพจริงหรือไม่?

.

พูดก็พูด เจ้าเอเปคนี่คืองาน"ความร่วมมือทางการค้า" ระหว่าง 21เขตเศรษฐกิจ ที่มีความมั่งคั่งรวมกันเกิน 60%ของ GDPโลก ซึ่งจะเป็นตัวจักรสำคัญยิ่งยวด ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคหลังภาวะวิกฤติ 3ปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นเวทีนี้สำคัญแน่

.

ซึ่งไม่ว่าผู้นำสูงสุดจะเข้าร่วมหรือไม่ แต่ละประเทศก็ได้ส่งตัวแทน เข้าคุยประเด็นสำคัญอยู่แล้ว.. อย่างสหรัฐได้ส่งรองปธน.สายเฟรนด์ลี่อย่าง กมลา แฮร์ริส เป็นตัวแทน.. และยังมีแขกรับเชิญของไทยอย่าง เอ็มมานูเอล มาครอง ปธน.ฝรั่งเศส และโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร - นายกรัฐมนตรีซาอุ ที่โลกให้ความสนใจอยู่

.

และไม่ใช่แค่สุดยอดผู้นำเท่านั้น.. จาก3วันประชุม ยังมีแบ่งออกเป็นการประชุมเข้มย่อยๆ ระหว่างทีมเศรษฐกิจ อย่างรมต.กระทรวงพาณิชย์ - รมต.กระทรวงต่างประเทศ - สภาการค้าของทั้ง 21ประเทศ อีกบานเบอะด้วย.. เพราะฉะนั้นใครจะมาร่วมงานไม่สำคัญ อยู่ที่เนื้อหาที่จะทำข้อตกลงร่วมต่างหาก

.

คนทั่วไปอาจคิดว่า กับงบจัดงานมหาศาล 3.28พันล้านบาท คงแค่เอาแขกVIPฝรั่งมาประชุม และพาเที่ยวเฉยๆ แล้วประเทศไม่ได้อะไร ..ลองมาดูผลงานความร่วมมือสำคัญที่เกิดจากงาน APEC ครั้งก่อนๆกันบ้าง


◾ หลังจากความร่วมมือ การประชุมเอเปคปี1989 ภาษีนำเข้า(Tariff) ระหว่างประเทศสมาชิกเอเปค ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เฉลี่ย 17% ลดลงเหลือเพียง 5.3% เมื่อผ่านมาถึงปี2018


◾ ยอดการซื้อขายระหว่างประเทศสมาชิก เพิ่มขึ้น 7เท่าตัว เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันก่อนการตั้งเอเปค.. มูลค่าการติดต่อซื้อขายรวมในกลุ่มเอเปค มากกว่าประเทศทั้งหมดที่เหลือรวมกันอยู่ถึง33%


◾ ปี1994 ที่เมืองโบโกร์ อินโดเนเซีย มี"ปฏิญานโบโกร์" เพื่อให้มีการส่งเสริมการเปิดค้าให้ลื่นไหลระหว่างสมาชิก ..ผลลัพธ์คือ มีการปรับอัตราภาษีศุลกากรระหว่างภูมิภาค ลดลง 5% ระหว่างปี2004 ถึง 2006 ..และลดลง 5%อีกครั้ง ในปี2007 ถึง 2010 ซึ่งช่วยเซฟเงินให้ภาคเอกชนในประเทศเอเปค รวมกว่า 2ล้านล้านบาท


◾ ในปี2011 มีความพันธะร่วมมือในการลดการใช้พลังงานลง 45% ภายในปี2030 โดยการส่งเสริมพลังงานทดแทนเช่น จากพลังงานแสงแดด พลังงานลมธรรมชาติ ทดแทนเชื้อเพลิงจากแหล่งถ่านหิน ฟอสซิล


◾ หลังการประชุมปี2012 ที่รัสเซีย มีการลดภาษีนำเข้า5% กับสินค้าดีต่อธรรมชาติ 54รายการ (Environmental Goods List) เช่นแผงวงจรโซลาเซลล์ ไปจนถึงกังหันลม


◾ ในปี2005 มีการตั้งศูนย์ APEC SME Innovation Center ในเกาหลีใต้ เพื่อยกระดับให้คำปรึกษา ผลักดันสายป่านให้ผู้ประกอบการรายย่อย ..จนปี2013 มีAPEC Start-Up Accelelator Network ที่ส่งเสริมสตาร์ทอัพ ผลักดันนวัตกรรมในประเทศสมาชิก

.

จะเห็นได้ว่าผลพวงความร่วมมือจากงานเอเปคนี้ ไม่ได้ง่อยเลยใช่มั้ยครับ ..จากธีมหลักที่ไทยเราเสนอในการประชุมรอบนี้คือ "BCG Economy (Bio-Circular-Green)" แนวคิดเศรษฐกิจที่เพิ่มประสิทธิภาพในระบบการบริโภค-การผลิต เน้นส่วนประกอบชีวภาพ รีไซเคิลได้ ลดมลภาวะเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม

.

ไฮไลท์อีกอันที่ผมเห็นด้วยคือ ความร่วมมือด้านอาหารกับ นโยบาย3S (Food Safety, Food Security และ Food Sustainability) เหมาะกับไทย ที่เป็นประเทศเกษตรกรรมแนวหน้า ยืนยันความพร้อมเป็นแหล่งอาหารสำรองอาเซียนและครัวโลก เดินหน้าเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารในเวทีนี้


มาดูกันว่า ปฏิญาณบางกอก(Bangkok Goal) ที่จะเกิดขึ้น

.

จะเห็นผล เป็นรูปธรรมขนาดไหน

.

ระหว่างนี้รวมใจ เป็นเจ้าภาพที่ดีกันนะครับ :)

ปมลิขสิทธิ์บอลโลก.. จี้กสทช.แก้ "Must Have" เป็น "Have Some" ⚽

เหลือไม่ถึง 10วัน.. มหกรรมฟุตบอลโลก กำลังจะเริ่มเตะกันแล้ว คนไทยยังตุ้มๆต่อมๆว่าจะได้ดูกันหรือไม่.. ด้วยมูลค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากฟีฟ่า สูงถึง 1.6พันล้านบาท และหากใครนำเข้ามา ยังถูกกฏบังคับให้ถ่ายทอดสดฟรีทางทีวี โดยทาง กสทช ..ปั๊ด เอกชนไหนๆก็ขยาด เพราะไม่คุ้มเม็ดเงินลงทุน

.

กฏที่ว่าคือ "Must Have, Must Carry" ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ หลักการคือ 7รายการกีฬาใหญ่ "ต้อง"ให้คนไทยสามารถรับชม ผ่านบริการโทรทัศน์, ออนไลน์ และเคเบิล ได้ทุกทางฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม


7 รายการดังกล่าว ได้แก่ ซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, โอลิมปิคเกมส์, พาราลิมปิค, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชียนพาราเกมส์ และฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

.

ซึ่งจริงๆเจตนาของเจ้ากฏ "Must Have" ถือเป็นเรื่องดี เพราะต้องการส่งเสริมความเสมอภาค ให้คนไทยเข้าถึง มหกรรมนานาชาติฟรี เหมือนสวัสดิการสังคมรูปแบบนึง แต่รายละเอียดบางส่วนมันดันขัดแย้ง ทำให้ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ไม่สามารถนำไปทำกำไรได้ เพราะได้มาเท่าไหร่ ต้องฉายลงช่องฟรีทีวีทั้งหมด

.

ย้อนไปปี 2555 เริ่มมีการออกกฏดังกล่าว บริษัทRS ผู้ถือลิขสิทธิ์บอลโลก2012 ที่ซื้อมาหวังฉายเป็น paid tvในกล่องทีวีดิจิตัลเฉพาะของเค้า ถูกบังคับให้ฉายฟรี จนเป็นเรื่องเป็นราวฟ้องไปถึงศาลปกครอง จนรัฐต้องจ่ายชดเชย 427ล้าน.. ทำให้ตั้งแต่บอลโลกปีพศ. 2557, 2561 และปีนี้ 2565 เอกชนพากันขยาด ไม่กล้าลงทุนอีกต่อไป ..รัฐต้องใช้วิธีจับมือเอกชน และช่วยแบ่งงบกลางเข้ามาโปะเป็นส่วนใหญ่

.

วิธีแก้สำหรับงวดหน้า คือกสทช. ควรพิจารณาปรับจาก Must Have, Must Carry เป็น "Have Some, Carry Some" คือบังคับให้ถ่ายทอด"ฟรีแค่ส่วนนึง" เฉพาะแมตช์สำคัญ ..เปิดโอกาสให้บริษัทที่ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ สามารถสร้าง Exclusive Contentของเค้าได้บ้าง ขณะที่มีการเผยแพร่ให้ดูฟรีได้บ้าง ตามอัตราส่วนที่ตกลง (อาจเป็น70%-30%)

.

◼️ โดยนัดสำคัญทั้งหมด พิธีเปิด, นัดเปิดสนาม, นัดชิงชนะเลิศ หรือการแข่งขันที่มีทีมชาติไทยลงแข่ง บังคับให้เอกชนรายนั้น ถ่ายทอดให้ดูฟรีทั่วประเทศ


◼️ ส่วนอีกแมตช์แข่งขันอีก 20-30% กสทช. สนับสนุนเงินเข้าซื้อต่อ เพื่อมาฉายทางช่องฟรีทีวี


◼️ โดยเจ้าของลิขสิทธิ์ ยังสามารถทำกำไรจาก Exclusive Content บางแมตช์แข่งขันทางช่องพิเศษของเค้า, ทางวิทยุ, ทางออนไลน์ หรือการจัดอีเว้นท์ภายนอกได้เต็มที่ โดยไม่มีการแทรกแซง

.

แค่นี้ก็ตอบโจทย์ให้คนไทย-เยาวชน ยังสามารถติดตาม ตื่นตัวไปกับมหกรรมกีฬาดีๆ และไม่ไปบล๊อคกลไกลเสรีในการทำการค้าขาย ของบริษัทที่ถือลิขสิทธิ์ และรัฐบาลก็ไม่ต้องมาแก้สถานการณ์เอาโค้งสุดท้าย โดยการเสียงบประมาณชาติ มหาศาลซะเอง

.

ฝากไว้เผื่อใช้ในบอลโลก2026 ที่แคนนาดา เม็กซิโก


รอบนี้ไม่ทัน ภาวนากันไป ..ขอให้ทุกท่านได้ดูกันนะครับ


"กัญชา(ไม่)เสรี" ควรทิศทางเป็นอย่างไร? 🌿

วันที่14กย. เมื่อพรบ. กัญชา ถูกถอนจากสภา ..เกิดปัญหาสูญญากาศ กัญชาเสรี 100% กัดกร่อนบ้านเมือง ..เยาวชนยังซื้อ-เสพย์ได้ไม่ผิดกฏหมาย

.

เมื่อจุดมุ่งหมายคือ กัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ มิใช่เพื่อการสันทนาการ.. แต่ร่างกฏหมายล่าสุด ที่พิจารณาในสภา ดันอนุญาติให้ปลูกในครัวเรือนถึง 15ต้น.. เยอะขนาดที่ พี้กันเองในครอบครัวได้เป็นปีๆ ..จึงไม่น่าเป็นสิ่งที่ดีกับสังคม และไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ท่านสส. ผู้ทรงเกียรติตั้งใจรึปล่าว?

.

นี่คือกรอบทิศทาง "กัญชา(ไม่)เสรี" คร่าวๆที่เราน้อมนำเสนอ

.

◼️ กัญชาเป็นพืชควบคุม ห้ามปลูกในครัวเรือน ต้องมีใบอนุญาติ สำหรับผู้ประกอบการ (จัดเก็บภาษีสรรพสามิตร เข้ารัฐ)



◼️ ขายเฉพาะในร้านขายยา หรือร้านที่ได้รับอนุญาติ ต้องแสดงบัตรประชาชน, เยาวชนต่ำกว่า 20ปี ห้ามซื้อ/ ห้ามเสพย์



◼️ เมากัญชา แล้วขับขี่พาหนะเป็นความผิด เจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินคดีเสมือนเมาแล้วขับ



◼️ ห้ามเสพย์ที่สาธารณะ สถานศึกษา-สถานที่ทางศาสนา-สำนักงาน-สถานที่ราชการ-สวนสาธารณะ



◼️ ขนย้ายได้ไม่เกินครั้งละ 5กก. ขายปลีกได้ไม่เกิน 500กรัม/ การซื้อขาย (แนวทางจากประเทศเนเธอร์แลนด์)



◼️ ห้ามโฆษณา ทำการตลาด ออนไลน์ หรือออฟไลน์ (เว้นเป็นการบำบัดเพื่อการแพทย์)



◼️ ส่งเสริมสถานที่เสพย์กัญชา ที่รัฐควบคุมได้ “คาเฟ่กัญชา” เพื่อการท่องเที่ยว

.

ไม่ได้บอกว่าแนวทางนี้ ถูกต้องที่สุด

.

แต่เป็นกรอบแนวทาง ที่อาจลดความเสี่ยง การมอมเมาเยาวชน-ครอบครัว, ลดอุบัติเหตุท้องถนน - ลดการเกิดมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลที่จะตามมา

.

มุ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทางสาธารณสุข และกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวชาติ โดยปราศจากวาระแอบแฝง มาทำประชานิยมกับพืชชนิดนี้ โดยไม่สนผลกระทบทางสังคมใดๆแบบที่เป็นมา

.

หากท่านเห็นด้วยกับ "กัญชา(ไม่)เสรี "



ส่งผ่านเรื่องนี้ให้โลกรู้ครับ



ล่มตามคาด.. จี้ประชุมเพิ่ม จ่ายค่าเสียหายกัน "บุฟเฟ่ต์สภาล่ม"🥢

ทำงานไม่เน้น เน้นเล่นเกมไปวันๆ.. กับเกมล้มโต๊ะในรัฐสภา ที่เปิดหน้าให้สส.-สว.บางส่วน แสดงตนแต่ไม่ลงคะแนน ทำให้สภาล่ม.. นำมาโดยพรรคใหญ่เจ้าเก่า อย่างพรรคเพื่อไทย-พลังประชารัฐ และประสานเสียงโดย สว. บางกลุ่ม
.
ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 10สค. ..ผลการนับองค์ประชุม ปรากฏว่า มีสมาชิกรัฐสภา ร่วมเป็นองค์ประชุม 403 คน เกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุม แต่เมื่อประธานในที่ขอลงมติ มาตรา 24/1 ที่กรรมาธิการฯแก้ไขเพิ่มเติม ปรากฏว่าใบลงคะแนนจากสมาชิก มีน้อยกว่ากึ่งหนึ่ง จึงเป็นอันต้องปิดประชุม
.
นอกจากพิจารณาร่างกฏหมายพรป.การเลือกตั้ง หาร500 ก่อนหมดอายุ180วันในวันที่ 15สค.นี้ .. ยังมีร่างกฏหมายสำคัญกับปชช.จ่อคิวอีกเพียบ ที่รัฐสภาเฉไฉเตะถ่วง ไปมา จนประเทศไม่ได้เดินหน้าไปไหน.. แถมผลาญเงินชาติ 4.19ล้านบาทเปล่าๆ ต่อการล่มหนึ่งครั้ง
.
ผมในฐานะประชาชนผู้เสียหาย.. ขอให้ปชช.ร่วมกันจี้กดดันให้ สมาชิกรัฐสภาประชุมเพิ่ม ทำงานชดใช้ ในวันที่ 12-13-14 ก่อนวันที่ 15 สค.นี้ และย้ำคำเดิมสส.-สว. ที่ขาดองค์ประชุมจนสภาล่ม ต้องมีบทลงโทษทางวินัย และต้องชำระค่าเสียหายคืนประเทศ เพื่อเป็นมาตราฐานการทำงาน.. ป้องกันไม่ให้เกิด "บุฟเฟ่ต์สภาล่ม" ล่มกี่ครั้งก็ได้ ตามใจกรู แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
.
บุฟเฟ่ต์หมูกระทะ เค้ายังมีกติกากินไม่หมดหักเงิน และกรอบเวลาชัด

ส่วนบุฟเฟ่ต์สภาล่ม ทุกวันนี้รวมแล้ว 3ปีล่ม 20กว่าครั้ง ..มูลค่าเสียหายเฉียด 90ล้านบาท

และยังล่มต่อไป อย่างตะกละตะกลาม.. ไร้ความรับผิดชอบ

พอก่อนมั้ยครับท่านผู้ทรงเกียรติ

▬▬
ร่วมกันลงชื่อ เพิ่มบทลงโทษสส. ที่ทำสภาล่ม >> https://chng.it/cXQwCrc2mG

เกมล้มบอล ล่มสภา.. ปชช.ได้อะไร??

ตลอด 5เดือน เราต่อสู้กับความไร้วินัยในการทำงานของสส. ที่ทำให้ #สภาล่ม ต่อเนื่อง.. ซึ่งล่าสุดในวันที่ 3 สค. 65 การประชุมต้องล่มอีกครั้ง โดยความจงใจไม่กดบัตรเข้าแสดงตน จากสส.ส่วนใหญ่ จากพรรคเพื่อไทย-พลังประชารัฐ ที่ต้องการยื้อพ.ร.ป.การเลือกตั้งสส.ให้ทำไม่เสร็จภายใน 15 สค. ..เพื่อกลับไปใช้กติกาหาร100 ที่พรรคใหญ่ได้เปรียบ

.

การเล่นแง่แบบนี้ ถือเป็นแทคติคการเมืองอย่างหนึ่ง ซึ่งผมถือว่าไม่ผิดอะไรเลย ถ้ามันไม่สร้างความเสียหายแก่ผู้คนส่วนใหญ่ แต่นี่ค่าเสียหายการประชุมสภาครั้งละกว่า 4.18ล้านบาท

.

ถ้าเรามองภาพ ภายใน 3ปีกว่าๆ สภาล่มไปทั้งสิ้นราว20ครั้ง มูลค่าความเสียหายเฉียด 83.6 ล้านบาท.. แต่ช่างเถอะครับ ในเมื่อพวกท่านไม่ได้สนใจความฉิบหายประเทศมาตั้งแต่ต้น

.

มาดูมูลค่าความเสียหาย กับความเป็นอยู่ประชาชาชนด้านอื่นบ้าง

.

เมื่อวานสภาต้องล่ม ขณะพิจารณากฏหมายที่มีประโยชน์ อย่างร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิรูปด้านกระบวนการยุติธรรม ทั้งสิ้น 12 มาตรา ซึ่งจะทำให้ปชช. ได้เข้าถึงการคุ้มครองทางกฏหมายเร็วขึ้น, เพิ่มการดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ดึงเรื่องล่าช้า, ปชช.สามารถติดต่อหลายหน่วยงานมหาดไทยทางดิจิตัลได้ตรง มีประโยชน์อย่างยิ่งยวด.. ต้องพับเก็บไปดื้อๆ เพราะองค์ประชุมในสภาไม่ครบ

.

เฮ้ย ได้ด้วยเหรอ.. มาดูปฏิกิริยาเมื่อวานนี้ จากหลายๆฝ่ายครับ

.

ฝั่งรองนายกดูแลด้านกฏหมาย กล่าวค่าเสียหายจากสภาล่ม ทั้งค่าสถานที่ ค่าน้ำ-ค่าไฟ ค่าเบี้ยประชุมสส.ที่ได้เต็ม เรียกร้องอะไรเอาคืนไม่ได้ เพราะไม่มีบทบัญญัติไว้

.

ฝั่งผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่าการสภาล่มมีนัยยะทางการเมืองจริง (เกี่ยวกับการชะลอกติกาการเลือกตั้ง หาร500) หากสมาชิกท่านอื่นไม่เห็นด้วย กับพรรคเพื่อไทย สภาก็ไม่ล่มแบบเมื่อวาน

.

ฝั่งประธานสภา บอกสภาล่มบังคับไม่ได้ เพราะสส.มีเอกสิทธิส่วนตน ส่วนคนไม่เข้าแสดงตนบอกระวังถูกปชช.โจษจัน โดนโจมตีช่วงเลือกตั้ง

.

ตัดมาฝั่งกรรมาธิการกิจการสภา บอกเรามีมาตราการเพียงพอแล้ว "จะนำสส. ไปเทียบกับการทำงานอาชีพนร. พนักงานเงินเดือนคนทั่วไปไม่ได้" .. สส.ผู้ทรงเกียรติรับผิดชอบการแสดงตนของตัวเองได้ ปัดบทลงโทษที่เรานำเสนอไป และไล่ออกนอกห้องกรรมาธิการ

.

อีกทีนะครับ... ทำไมบทลงโทษทางวินัย จำเป็นอย่างยิ่งกับรัฐสภาบ้านเรา?

.

เพราะสามัญสำนึกคนที่ทำหน้าที่ สส.ล้วนๆ.. สภาประเทศอื่นเค้าไม่มีกฏนี้ เพราะไม่มีประเทศไหนที่มี สส.บางส่วนซึ่งไร้ซึ่งเกียรติ ขาดความรับผิดชอบ ชนิดว่าไม่สนผีสนแดด ว่าปชช.ที่เลือกท่านมาจะผิดหวังเพียงใด ที่กลายเป็นคนไม่ทำหน้าที่ ใช้ช่องโหว่กฎหมายด้อยค่าประชาธิปไตยตัวเอง

.

จะเอาหาร100 - หาร500 ปชช.ไม่มีปัญหา.. ไปหาห้องประชุมย่อย ส่งตัวแทนพรรคคุยกัน

.

อย่ามาล้มบอล ล่มสภา

มูลค่าความเสียหาย มันมากกว่าที่ท่านคิดครับ

ไทยขึ้นแท่น หยุดเยอะอันดับ5 ของโลก🏆 ..กับผลทางเศรษฐกิจ

◾ เชื่อมั้ยครับ จากปกติประเทศไทย มีวันหยุดราชการ 19วัน.. ได้มีการประกาศเพิ่มวันหยุดพิเศษ สำหรับปี2565 อีก 4วัน.. ทำให้มีวันหยุดรวมทั้งสิ้น 23วัน ขึ้นเป็นอันดับ 5 ..ตามหลัง อันดับหนึ่ง พม่า(32วัน), อันดับสอง เนปาล (30วัน), อันดับสี่ ศรีลังกา(25วัน)

.

ขึ้นชื่อว่า "วันหยุด" คนไทยหลายล้านคน ก็คงวงปฏิทินรอคอย โดยเฉพาะกับภาคคนทำงาน.. แต่หากหยุดมากเกินไปล่ะ จะส่งผลกระทบอย่างไรกับภาพรวม? มาดูกันเลย..

.

👷🏽 คนทำงาน:


หยุดเยอะ ได้พักผ่อนหย่อนใจ ลดความเหนื่อยล้า เพื่อให้กลับมาทำงานอย่างมีจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มประสิทธิภาพขึ้น


หยุดเยอะไป>> เนื่องจากเม็ดเงินมีจำกัดเท่าเดิม แต่ออกเที่ยวมากขึ้น สถานะครอบครัวฝืด และอาจเกิดอาการหดหู่-เกียจคร้าน จากภาวะหมดไฟหลังวันหยุดยาว (Post-Vacation Blues)

.

‍💼 ภาคผู้ประกอบการ:


พร้อมหยุดให้ลูกจ้างแค่ 13วัน/ปี (รวมวันแรงงาน) ตามกฏหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541


หยุดเยอะไป>> อาจทำให้ภาคเอกชนเสียหาย บรรยากาศการทำงานไม่ต่อเนื่อง .. บางธุรกิจต้องจ่ายเงินextra เพิ่มให้พนักงานบริการที่ต้องมาทำงานในวันหยุด ..ในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย มีกฏหมายบังคับให้จ้างค่าจ้างเพิ่ม 50% สำหรับการให้มาทำงานในวันหยุดราชการ

.

🏛 ภาครัฐ:

หวังกระตุ้นให้เกิดรายได้หมุนเวียนจากการท่องเที่ยวในประเทศ


หยุดเยอะไป>> หากหยุดยาวบ่อย จะเกิดการไหลออกของเม็ดเงินไปต่างประเทศ เพราะตามสถิติหากวันหยุดยาวเกิน 3วัน.. เช่น 4-5วัน ช่วงช่วงปลายกรกฎานี้ ผู้บริโภคจะมีแนวโน้ม ออกเที่ยวต่างประเทศสูงขึ้นอย่างมีนัยยะทันที

.

ลองดูกรณีศึกษาประเทศอเมริกา ตั้งแต่ปี 1971 เค้ามีกฏหมายเรียกว่า Uniform Monday Holiday Act หรือ "หยุดยาววันจันทร์" ที่เค้าพยายามเพิ่มให้เกิดวันหยุดติดกัน 3วันบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นภาคท่องเที่ยวในประเทศ.. สิ่งที่เค้าทำคือใช้วิธีเขยิบวันหยุดที่ตรงกับวันกลางสัปดาห์ ให้ always-on-Monday คือเลื่อนมาชนเป็นวันจันทร์ทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดฟันหลอวันหยุด ใช้แล้วทั้งกับ Labor Day, Memorial Day เป็นต้น

.

แต่มองดูครม.เรา ดันประกาศให้หยุดฟันหลอเพิ่ม วันศุกร์ที่ 15 และวันศุกร์ที่ 29 กค 2565 เพื่อทำให้เกิดวันหยุดยาว 4วัน 2ครั้งในเดือนเดียวกัน.. จึงไม่น่าเป็นแนวทางที่ดีนัก กับทุกภาคส่วน เพิ่มความเนือย


Productivity ประสิทธิภาพการทำงานทั้งเดือนกค. น่าจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีวันหยุดรวม ถึง 15วัน/เดือน เมื่อรวมเสาร์-อาทิตย์แล้ว


ขณะที่การหวังให้เม็ดเงินการท่องเที่ยวไหลภายในประเทศ ยังเป็นคำถาม ว่าจริงหรือไม่ ในเมื่อยอดจองเที่ยวบินไฟล์ทไปต่างประเทศ สูงขึ้นอย่างมีนัยยะ จากสัปดาห์หยุดยาวทั้งสอง

.

เพราะฉะนั้น ผลข้างเคียงของวันหยุดมีทั้งดี และไม่ดี ทางครม.ไทย ต้องบาล๊านซ์ให้เหมาะสม สำหรับปีถัดๆไป.. การพิจารณาใช้ #หยุดยาววันจันทร์ ลดฟันหลอ สามารถใช้กับวันหยุดอย่างวันแรงงาน หรือวันรัฐธรรมนูญ น่าจะเป็นหนึ่งในแนวทางปฏิบัติที่สมดุลย์กว่า

.

เพื่อที่ทำให้ภาคแรงงาน มีความสุข, ภาคธุรกิจไม่เสียหาย และ ภาครัฐได้อากร เกิดเงินหมุนเวียนในประเทศจริงๆ


ชัดๆ ..ลดค่ากลั่น ทำไมต้องWindfall Tax? #ภาษีส้มหล่น

ทำความเข้าใจ Windfall Tax (ภาษีลาภลอย) ..เล่าแบบง่ายๆกันหน่อย คำว่า "Windfall" ถ้าสำนวนภาษาไทยคือ "ส้มหล่น" ..เพราะฉะนั้นนี่คือ การเก็บภาษี กับหน่วยธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์เพิ่มมหาศาล ที่ไม่ได้มาโดยความสามารถ, นวัตกรรม หรือ การลงทุนเพิ่ม แต่สบโอกาสจากสภาพตลาดเป็นใจ ณ ขณะนั้น (บางคนว่าฟลุ๊คนั่นเอง).. สินค้าเกี่ยวเนื่อง เช่น ราคาน้ำมัน, ก๊าซ, ไฟฟ้า และ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

.

ผมมักนิยามเองว่า "ภาษีส้มหล่น" "ภาษีลาภลอย" "ภาษีถูกหวย" หรืออะไรก็ตามแต่ คืออยู่เฉยๆก็ดวงเฮงได้เงินมหาศาล.. ซึ่งตัวภาษีWindfallนี้เอง ซึ่งใช้กันแพร่หลายใน ประเทศอังกฤษ, อเมริกา (ใช้กับธุรกิจพลังงาน), ออสเตรเลีย(ใช้กับธุรกิจอสังหา), กลุ่มประเทศแสกนดิเนเวีย (ใช้กับพลังงานทางเลือก) และอีกหลายประเทศตอนนี้ ที่จัดการกับปัญหาน้ำมัน เช่นไนจีเรีย

.

นี่คือบทบรรญัติที่รัฐบาล โดยกระทรวงพลังงาน ควรนำไปใช้เจรจาบนโต๊ะกับ กลุ่มโรงงานกลั่นน้ำมัน 6แห่ง ที่ได้ประโยชน์จากราคาขายน้ำมันสำเร็จรูปโลก ที่พุ่งพรวด แต่ต้นทุนเท่าเดิม.. อย่าเลยครับนัดประชุม เพื่อไปขอส่วนแบ่ง ส่วนลด 8,000ล้านบาทเฉยๆ มันไม่มีที่มาที่ไป ไม่อยู่ในหลักการ.. ดูเหมือนพาลเข้าไปรีดไถ ยังงัยยังงั้น

.

จึงไม่ต้องแปลกใจ ทำไมการเจรจากับ กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันใหญ่จึงติดขัด ยืดยาวอย่างงี้.. ไม่ใช่เพราะเค้าไม่อยาก นำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยเหลือสนับสนุนภาคประชาชนหรอกครับ.. กลับกันเค้าต้องการหลักการ และ"ใบเสร็จ" ว่าการจ่ายครั้งนี้ legitimated ถูกต้องตามครรลอง มีกฏหมายลองรับ เพราะมันจะเป็นบรรทัดฐานต่อไป ให้เค้าเตรียมการทั้งวันนี้ และสถานการณ์วันหน้า ..ไม่ใช่ หนาวๆร้อนๆ ว่ารัฐไทยจะคว้าหน้าสาม มาไถเงินเมื่อไหร่

.

ตั้งมาเลยครับชัดๆ เช่น


◼️ จัดเก็บอัตรา 25-50% จากส่วนต่างกำไรที่ได้ เทียบจากกำไรการกลั่น ก่อนและหลังราคาน้ำมันสำเร็จรูปดีดตัวขึ้น ช่วงสงครามรัสเซีย - ยูเครน ...โดยมีการระบุจำนวนเงินขั้นต่ำ - กำแพงขั้นสูงวางไว้ให้เป็นธรรมทั้ง 2ฝ่าย มีกรอบเวลาจำกัดไม่ผูกพันธ์ระยะยาว ..ให้โรงกลั่นมีกำไร และรัฐได้ภาษีแบ่งเบาปชช.

.

หลายคนอาจมองว่าไม่แฟร์กับภาคเอกชนรึปล่าว กับบางครั้งที่เค้าต้องเสี่ยงขาดทุนเหมือนกัน.. แต่จริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับการตั้งตัวเลข% ในการจัดเก็บ, การศึกษาพิจารณาอัตรากำไร Profit margin ของอุตสาหกรรมนั้นๆย้อนหลัง ก็จะช่วยได้มหาศาล

.

และที่สำคัญเกณฑ์การหักภาษีส้มหล่น ต้องคิดจากหน่วยธุรกิจที่ได้โกย"มหาศาล"จริง ในเวลาสั้นๆ และองค์กรนั้นควรเป็น"เจ้าใหญ่" ไม่ใช่ไล่เก็บเจ้าเล็กเจ้าน้อย...

.

ไหนๆแล้ว ฝากกระทรวงการคลัง ที่กำลังชงภาษีWindfall Tax กับที่ดิน และอสังหาในไทย ที่ได้ประโยชน์จากการสร้างสาธารณูปโภค ทางรถไฟจากภาครัฐ ..ให้ช่วยดูตรงนี้ อย่ากระทบกับตึกแถวพ่อค้าแม่ค้า และที่อยู่อาศัยรายย่อยริมทาง

.

เอาล่ะ รอฟังแนวทางจัดการเรื่องน้ำมันภาครัฐ ในเร็ววัน


เอาใจช่วยทุกท่าน ให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ครับ


ไอเดียแห่งยุค.. “เตามหาเศรษฐี” แก้ปัญหาโดยกระทรวงพลังงาน

◼️ ขณะที่น้ำมันแพง..

◼️ ค่าไฟพุ่งกระฉูด..

◼️ ก๊าซหุงต้มราคาสูง..

.

ประชาชนเดือนร้อนอย่างหนัก กระทรวงผู้มีอำนาจหน้าที่ควบคุม ..ทำอะไรอยู่?

.

วันที่ 21 มิถุนายน กระทรวงพลังงานมีการรณรงค์ให้ผู้คนใช้ #เตามหาเศรษฐี เป็นทางออกสำหรับการประกอบอาหาร เพราะเตาถ่านนี้ร้อนไว และประหยัดถ่านกว่า ..เข้าใจว่าน่าจะมีประโยชน์กับผู้ใช้งานบางส่วน..

.

แต่เรื่องนี้สำคัญมากมั้ย ..มีประเด็นสำคัญกว่านี้หรือไม่? เทคโนโลยีนี้ดีต่อธรรมชาติหรือไม่ หรือเพิ่มควัน PM2.5 ทำลายสภาพอากาศ?

.

ถ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงานไทย ทำได้เพียงเท่านี้.. ในสถานการณ์ที่ผู้คนลำบาก เราประชาชนลำบากแน่นอนครับ.. เมื่อมัวเล่นรณรงค์ชิ้นเล็กชื้นน้อย แต่เพิกเฉยต่อการแก้ปัญหาใหญ่ น้ำมันแพง - ค่าไฟแพง - หุงต้มแพง ที่กระทบปากท้องคน และพาให้เงินเฟ้อกระฉูดในเวลาอันใกล้

.

ทั้งๆที่ กระทรวงพลังงานสามารถแก้ไขปัญหาได้

.

1) เรื่องน้ำมัน -

กระทรวงพลังงานต้องเปิดเจรจา 3 ฝ่าย กับกลุ่มผู้กลั่นน้ำมัน และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อควบคุมราคาน้ำมันหน้าปั๊ม เพื่อขอความร่วมมือหั่นกำไรจากโรงกลั่น ที่เกิดจากราคาขายน้ำมันโลกที่ดีดตัวขึ้น.. ซึ่งสามารถลดค่าการกลั่นน้ำมันได้อีก 4บาท/ลิตรแน่ๆ ..ทำได้แน่ แต่ทำไมไม่ทำ? อ่านเพิ่มเติม shorturl.at/oCEFP

.

2) เรื่องค่าไฟ -

ยับยั้งการขึ้นราคาค่าไฟ ที่กำลังจะปรับขึ้น ค่าไฟฟ้าผันแปร(FT) ที่เตรียมขึ้นหน่วยละ 0.24บาท (และเตรียมขึ้น 1บาทเต็มตอนปลายปี) ออกไปก่อน ...การไฟฟ้าฝ่ายผลิต คุณน่ะมีกำไร 3.3หมื่นล้านบาท อย่าพึ่งซ้ำเติมผู้คนตรงนี้


และออกนโยบายประหยัดพลังงาน โดยเริ่มจากหน่วยงานรัฐเอง ทำเป็นตัวอย่างกับสังคมก่อน ยุคนี้คุณรณรงค์ปาวๆแต่ตัวเองไม่ทำ ปชช.เค้าไม่ฟังหรอกครับ ..ทำให้ดู ไม่ใส่สูท ประหยัดแอร์ ประหยัดไฟ

.

3) เรื่องก๊าซหุงต้ม -

"ก๊าซหุงต้ม"(LPG) พึ่งมีการปรับราคาขึ้น 15บาท ส่งผลให้ภาระหน้าที่อยู่กับร้านค้า-ร้านอาหาร มีผลทำให้ราคาอาหารสูงขึ้นบ้างแล้ว.. ควรส่งสัญญาณไปยัง คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ให้ยับยั้ง การอนุมัติขึ้นราคามี 2รอบหน้าในเดือน สิงหาคม 45บาท และครั้งสุดท้ายใน เดือนกันยายน ที่ทำให้ราคาปลีกก๊าซ สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 408บาท


ทางออกให้ใช้เตาถ่านทดแทนก๊าซหุงต้ม แบบที่ก.พลังงานเสนอนั้น.. เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ และมันไม่ช่วย ร้านอาหารส่วนใหญ่ ซึ่งเค้าจำเป็นต้องใช้ก๊าซ เช่น ร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ ร้านอาหารที่เป็นอุตสาหกรรม เป็นต้น ..ค่าใช้จ่ายที่ร้านเหล่านี้ต้องเผชิญกับราคาก๊าซที่เพิ่ม ..จะส่งผลกระทบครั้งใหญ่กับค่าครองชีพผู้คนวงกว้าง.. เราอาจได้กินข้าวกะเพราจานละ 80.-เร็วๆนี้


ฝากถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงอีกครั้ง ให้ช่วยดูภาพรวมเศรษฐกิจ และความลำบากปชช.เป็นที่ตั้ง

.

.

เพราะถ้ามัวหวังกับ"เตามหาเศรษฐี"


ประเทศเราคงมีแต่"ยาจก" จากค่าพลังงานแน่ๆ

กลั่นน้ำมัน หรือกลั่นแกล้ง?! ยุทธการปล้นผู้ขับขี่ไทย ⛽

สงสัยมั้ย ค่าน้ำมันแพงทุกวันเกิดจากอะไร? ..ใช่ครับ ทุกท่านคงเดาแบบเดียวๆกัน คือค่านำ้มันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจริง.. เพียงแต่ ไม่จริงทั้งหมด! เพราะในบิลเติมน้ำมันแสนแพง มีค่ากลั่นน้ำมันที่แอบเพิ่มขึ้นเกือบ 10เท่า โดยที่พวกเราไม่รู้ตัว .

ค่ากลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นจากปี64 ที่0.87บาท/ลิตร เป็น 8.56บาท/ลิตร ในปี65 ..เพิ่มขึ้น 7.69บาท/ลิตร หรือเพิ่มเกือบ 10เท่า ..ตามข้อมูลจากอดีตรัฐมนตรีคลัง คุณกรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij ที่ได้ออกมาชี้แจง

คุณอาจนึกภาพไม่ออก ว่าเงินจำนวนนี้เยอะขนาดไหน.. . คำนวนง่ายๆ ให้เห็นมูลค่าเงินคนไทยที่สูญหายไป ต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง

◼️ จำนวนรถยนต์ทั่วประเทศไทยประมาณ 42 ล้านคัน

◼️ เฉลี่ยเติมเต็มถัง ขั้นต่ำที่ 40 ลิตร/ถัง

◼️ ค่าการกลั่นน้ำมันที่เพิ่ม 7.69บาท/ลิตร คิดเป็น 42ล้าน x 40 x 7.69 = 1.29 หมื่นล้านบาท . .

บ้าแล้ว!! นี่คือลาภลอยที่บริษัทผู้กลั่นน้ำมันรายใหญ่ นำโดยปตท. ได้รับต่อการเติมน้ำมันเต็มถังของคนไทย แต่ละหน

หรือเกือบ 6เท่า ของงบประมาณทั้งปี 2พันกว่าล้าน ที่รัฐบาลสนับสนุนSMEs ธุรกิจคนตัวเล็กในประเทศ

ทั้งๆที่รัฐบาลควรสนับสนุนธุกิจขนาดย่อม-คนตัวเล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน แต่กลับซ้ำเติมด้วยการแอบหมกเม็ดขึ้นราคา ทำลายราคต้นทุน เพิ่มภาระค่าใช้จ่าย... มันใช่เรื่องหรือเปล่า?

ล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เริ่มรับลูก ว่าจะแก้ไขราคาค่ากลั่นน้ำมันที่เป็นปัญหา

ไม่ใช่แค่แก้ไขโดยด่วน แต่ควรจ่ายค่าปรับ จากผู้กลั่นน้ำมันได้ประโยชน์ไปก่อนหน้านี้ คืนเข้ามาในระบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบภาษี คืนเข้าไปใช้หนี้ในกองทุนน้ำมัน หรือ จ่ายมาเป็นส่วนลดราคา ให้ผู้เติมน้ำมันในอนาคต

ติดตามดูกันอย่างใกล้ชิด

อย่าให้ค่ากลั่น(แกล้ง) ขูดรีดเราอีกเลย

#เปิดกัญชาเสรี กับผลที่ตามมาทางสังคม?

9 มิย. ได้ฤกษ์เปิดกัญชาเสรี ประเทศไทย.. แปลว่า ปชช.ทุกคน สามารถเสพย์, ครอบครอง หรือ แม้แต่กระทั่งปลูก ได้เบ็ดเตล็ดหมด.. คำถามคือปล่อยเสรี 100%แล้ววันนี้ แต่ยังไม่มีกฎหมายลูกรองรับ ควบคุมผลกระทบทางสังคมที่ตามมา จะดีหรอ?

.

คนเร่เดินขายกัญชา ตามสี่แยก, กลุ่มเด็กนักเรียนม.ต้น จับกลุ่มกันสูบ หรือ อาจเห็นคนขับรถ ที่เมาฤทธิ์กัญชาได้ที่ ขับชนไหล่ทาง ..ภาพเหล่านี้ เราอาจจะได้เห็นบ่อยๆ เดือน-2เดือนต่อจากนี้

.

แน่นอนครับ ผมเห็นด้วยที่เปิดเสรีกัญชา.. เป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้า และประโยชน์เชิงสาธารณสุข.. แต่การเปิดเสรี ต้องมีมาตราการขันน็อต รัดกุมรอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องปัญหาสังคม-เยาวชนที่ตามมาแน่ๆ

.

ประเทศที่เปิดเสรี อย่างอเมริกา เค้าจำกัดอายุไว้ที่ 18-20ปี ตามแต่รัฐ.. ขณะที่ไทยเปิดเสรี เราไม่มีเกณฑ์ใดๆรองรับ.. แปลว่า เด็กนร.ไทย อายุ15 สามารถหาซื้อต้นกล้ากัญชา ที่วันแรกก็มีขายกันพรึ่บในออนไลน์ ได้ง่ายๆ (เช่น เจ้าณุศาศิริ miraclecannabisland.com) เพื่อนำไปปลูก และมีไว้เสพย์เองได้เรื่อยๆ

.

ทั้งๆที่ประเด็นนี้ ควรมีกรอบเรื่องอายุ โดยอาจอิงจากเกณฑ์ผู้ซื้อบุหรี่ที่ 20ปีขึ้นไปก็ได้.. ไม่งั้นเด็กไทยก็แห่มาดูดกัญชาแทนกันหมด

.

ยกตัวอย่าง ประเทศอุรุกวัย ที่เป็นเจ้าแรกๆที่เปิดเสรีกัญชา ในปี2013


◼️ 17% ของนักเรียนม.ปลายทั่วประเทศ ยอมรับว่าตนเองได้เสพย์กัญชา ภายใน 1ปีแรก เพิ่มขึ้นมหาศาล

.

สถิติบ่งชี้ชัดว่ากลุ่มเยาวชนเป็นกลุ่มที่เปราะบาง มีความอยากรู้อยากลอง ต่อ กัญชา เจ้าสิ่งเสพย์ติดที่เพิ่งปลดล็อคชนิดใหม่นี้ มากกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ ..โดยเป็นเยาวชนชายมากกว่า เยาวชนหญิง

.

ก่อนรัฐบาลเปิดเสรี.. ควรมองให้ไกลในทุกมิติ ไม่ใช่อยากเปิดก็เปิด.. มีวิธีคิดจัดการเป็นระบบ มีการประชาสัมพันธ์ที่ดี และต้องมาตราการควบคุม ทั้งเรื่องผลกระทบสังคม - ปัญหาเยาวชน - คุณภาพชีวิต


อย่ารอ..วัวหาย แล้วล้อมคอก


อย่ารอ..เด็กพี้กัญชา


แล้วค่อยหา กฎมาควบคุมเลยครับ

ทางตันรัฐบาล? งบขาดดุลย์บาน 7ปีซ้อน

หากเปรียบประเทศ เป็นบริษัทนึง.. เมื่อคุณหารายได้เข้าบริษัท ไม่เท่ากับรายจ่ายที่เสียไป นั่นแปลว่าคุณกำลังขาดทุน ก่อหนี้ช้าๆ และนี่ไม่ใช่ปีแรกแต่เป็นการขาดดุลย์ (Budget deficit) 7 ปีติดต่อกัน ของรัฐบาล.. จนทำให้หนี้สาธารณะรวมของไทย เมื่อสิ้นเดือนมีค.65 อ่วมอยู่ที่ 9.9 ล้านล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์

.

เอาง่ายๆ ความเป็นหนี้ซ้ำซ้อนตอนนี้ ทำให้แค่ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเงิน ที่รัฐต้องเสีย เพื่อจ่ายคืนเจ้าหนี้ อยู่ที่ราว 2แสนล้านบาท/ปี.. นั่นปาเข้าไป 6.5% ของงบประมาณทั้งปี ที่ไทยต้องจ่ายเปล่าๆปรี้ๆ โดยไม่ได้อะไร

.

ไม่ต้องเป็นมนุษย์เชี่ยวชาญการเงินอะไร.. แค่คุณโหลดรายการงบประมาณประจำปี จากทางสำนักงบประมาณ (ลิ้งค์อยู่ล่างโพสต์นี้) มาอ่านดูเล่นๆ ก็จะพบว่าตัวเลขการทำงบดุลย์ของชาตินั้น มีปัญหาอยู่มาก โดยเฉพาะการจ่ายไปกับเรื่องfixed cost ถึง75% ขณะที่ความสามารถในการหาเงินเข้าประเทศนั้น ต่ำไม่เป็นท่า

.

พิจารณาแค่จาก งบประมาณประจำปี2566 ที่กำลังพิจารณากันในสภาขณะนี้ รัฐมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.5 หมื่นล้านบาท

.

มูลค่างบประมาณรวม = 3.185 ล้านล้านบาท ประกอบไปด้วย

.

◼️ รายจ่ายประจำ 2.396 ล้านล้านบาท (เช่น ค่าเงินเดือนข้าราชการ, ค่าครุภัณฑ์ต่างๆ)

◼️ รายจ่ายลงทุน 0.695 ล้านล้านบาท (เช่น การลงทุนในรัฐวิสาหกิจ)

◼️ รายจ่ายคืนเงินต้น 0.1 ล้านล้านบาท (เช่น การจ่ายเงินคืนตราสารหนี้, พันธบัตร)

.

เห็นมั้ยครับ.. ร้อยละ75 ของเงิน 3.186ล้านล้านที่รัฐบาลเตรียมจ่าย เป็นรายจ่ายประจำ.. ที่ทำให้ประเทศแบกรับภาระหนัก และขยับตัวได้ยาก

.

เปรียบเทียบได้กับมนุษย์เงินเดือนทั่วไป ถ้ารายจ่ายประจำ เช่นค่าเช่าบ้าน, ค่าอาหาร, เดินทาง, ค่าน้ำ-ไฟ ทำให้คุณต้องจ่าย 3/4 ของเงินเดือน.. กับอีก 1/4ที่เหลือ ไม่ต้องพูดถึงการเก็บเงิน แค่คุณกินข้าวมือดีๆบ้าง.. พาครอบครัวไปข้างนอกครั้งเดียวก็หมดแล้ว.. จะเหลืออะไรต่อยอด เพื่อการลงทุนต่อไปในชีวิต?

.

นี่คือสภาพรัฐบาลไทย ขณะนี้ที่เผชิญแบบเดียวกัน.. คือรายจ่าย-หนี้ มากองอยู่จนลืมตาอ้าปากยาก เข้าใจล่ะ ว่ามีหนี้คงค้างจากรัฐบาลก่อนๆ และยังมีวิกฤติระบาดเข้ามาซ้ำเติม แต่ผมกำลังพูดถึงโครงสร้างงบของประเทศเราจะเป็นลักษณะหลังพิงฝาขนาดนี้ไม่ได้

.

ต้องปฏิรูปโดยด่วน รู้จักลดภาระfixed cost และแปรสภาพให้รัฐ เป็นรัฐที่รู้จักหารายได้เข้าประเทศอย่างมีประสิทธิภาพกว่านี้ ไม่ใช่ใช้เงินสุดขอบเป็นอย่างเดียว ..ภาษีคนเค้าอยากจ่ายครับ ถ้าระบบมันรองรับ และรัฐได้สร้างโอกาสสำหรับผู้ค้าตัวเล็ก-คนทำงานเพียงพอ

.

.

ในส่วนรายละเอียด งบประมาณปลีกย่อยที่สะดุดตาในปีนี้ มีเช่น

.

งบป้องกันการกัดเซาะพื้นท่ีตลิ่งริมแม่น้า สูงถึง 11,565.24 ล้านบาท ..เพื่อสร้างแนวป้องกันการกัดเซาะของแม่น้ำเท่านั้น?

.

งบประมาณข่าวกรอง 3จังหวัดภาคใต้ อยู่ที่ 740.95 ล้านบาท ..เพื่อแค่หาข่าว ใช้เดือนละ60กว่าล้าน ต้องจัดงานเลี้ยงทุกวันรึปล่าว?

.

งบประมาณพัฒนา EEC เขตอุตสาหกรรมภาคตะวันออก 11,086.9 ล้านบาท ..เพื่อสร้างทางหลวงเลิศหรู สาธารณูปการระดับท็อป เอื้อประโยชน์กับ ผู้ผลิตรายใหญ่ไทยและต่างประเทศบางราย?

.

แต่เรามี.. งบประมาณส่งเสริมผู้ประกอบการไทยขนาดกลาง และขนาดย่อม เพียง 2,721.4 ล้านบาท ..แล้วเศรษฐกิจระดับเส้นเลือดฝอย SMEs ในประเทศจะเติบโตได้อย่างไร?

.

.

พอหอมปากหอมคอครับ ..ไม่อยากลงลึกในรายละเอียดแต่ละงบขนาดนั้น เราเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ทำงานอภิปรายตามกลไกสภา ในวาระต่อๆไป


เชิญทุกท่านติดตามอย่างใกล้ชิดครับ


เอกสาร PDF งบประมาณประจำปีพ.ศ. 2566 ดาวน์โหลดที่

https://www.prd.go.th/th/file/get/file/202205317b8065f87ee1ca6048a0c4640570afaf151128.pdf?fbclid=IwAR32P1LeWM5yV_ltt_vCYssNbRNaYicsSu2V1eUbdiYy7mvm67sA1Fiw2E4

อวสานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์? ใช้ "PDPA" คุ้มครองข้อมูลบุคคล 1 มิ.ย.

เรื่องหนึ่งที่ผู้บริโภค และภาคธุรกิจต้องรู้ คือ หลังวันที่ 1 มิ.ย. 65 นี้ ประเทศไทย จะมีการใช้ PDPA หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หลังเลื่อนการประกาศใช้มาแล้ว 2 ปี.. จับตาตัวเลข การจารกรรมข้อมูลบุคคลโดยมิจฉาชีพ ลดน้อยลง?

.

ทราบมั้ยครับ มิจฉาชีพทางข้อความมือถือ หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ระบาดหนักขณะนี้ ..โทรหาเราเช้าเย็น เป็นห่วงยิ่งกว่าคนในบ้าน ..นี่เค้าเอาข้อมูลเรามาจากไหน?

.

ง่ายที่สุดเลย จากระเบียนประวัติที่คุณสมัครไว้ตามที่ต่างๆ เช่น สมาชิกฟิตเนส, อินเตอร์เน็ต เป็นต้น, การจ่าหน้าซองพัสดุ, การซื้อของออนไลน์, การหลุดรั่วจากสำนักงานรัฐเอง, นิติบุคคลส่วนกลางคอนโด-หมู่บ้าน ..

.

หนึ่งในการจารกรรมครั้งใหญ่ ที่ปชช.ไทย โดนกันทั่วหน้า.. รั่วมาจาก เมื่อครั้งกรอกข้อมูล/แสกน เพื่อเช็คอิน "ไทยชนะ" เข้าสถานที่ต่างๆ ..ที่ผู้คนบ่นกร่นด่ากันหมด ว่าโทรศัพท์โดนรังควานไม่เลิก ได้รับSMS ข้อความสแปมมหาศาล จาก กลุ่มมิจฉาชีพ, สินเชื่อเถื่อน, บ่อนพนัน ..วันละเป็นสิบ จากที่ไม่เคยมีมาก่อน

.

.

พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) มีขึ้นเพื่อจำกัดให้เอกชนและรัฐ เก็บรวมรวม-ใช้-เปิดเผย หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลในราชอาณาจักรไทย ให้เป็นไปตามมาตรการปกป้องข้อมูลของผู้อื่น จากการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว

.

ข้อมูลส่วนบุคคล ณ ที่นี้ คือข้อมูลใดก็ตามที่บ่งบอกตัวตนคุณ เช่น

◼️ เลขประจำตัวประชาชน, ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล

◼️ เชื้อชาติ, พฤติกรรมทางเพศ, องค์กรสังกัด

◼️ ข้อมูลทางการเงิน, ประวัติอาชญากรรม, ข้อมูลสุขภาพ

หรือแม้กระทั่งภาพถ่ายคุณ เป็นต้น

.

.

เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน แฮ็กเกอร์ชื่อก้องโลก กล่าวถึงความเป็นส่วนตัวไว้ว่า


" Privacy matters, it's what allows us to determine who we are and who we want to be "

" ความเป็นส่วนตัวสำคัญ และมันเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณเป็นใคร และจะเป็นอย่างไรในอนาคต"

.

.

เมื่อใครซักคนล่วงรู้ข้อมูลคุณ เค้าสามารถเดาได้ว่า คุณมีแนวโน้มจะซื้อของชิ้นไหน? อยากเที่ยวที่ใด? หลายประเทศทั่วโลก ได้มีการคุ้มครองเรื่องนี้มาซักพักแล้ว.. เพื่อช่วยคุ้มครองการละเมิดเอาข้อมูลลูกค้าไปใช้หากินในทางอื่น อย่างหลายเคส ที่บริษัทโซเชียลมีเดีย เอาข้อมูลที่เรากดไลค์ หรือคีย์เวิร์ดความสนใจต่างๆ ที่เราเม้าท์กับเพื่อน เร่ไปขายให้กับกลุ่มบริษัทเป้าหมาย หรือไปขายเพื่อการโฆษณาเราอีกที

.

ถึงแม้กระทรวงดิจิตัล DES จะประกาศว่าระยะแรกจะเป็นเพียงการประชาสัมพันธ์ ยังไม่เอาผิดผู้ละเมิดแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ที่มีทั้งโทษแพ่ง และทางอาญา จำคุก 1 ปี ไปจนถึงปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท ..ผมยังมีความหวังที่จะเห็น การช่วยพิทักษ์สิทธิ์ของผู้บริโภคไทยในวงกว้าง ไม่ให้ถูกแสวงหาผลประโยชน์จากการละเมิดความเป็นส่วนตัว

.

ถ้าองค์กรต่างๆให้ความร่วมมือกับกฎหมายใหม่นี้ ในการรักษาข้อมูลบุคคลลูกค้า ต้องควบคุมพนักงานองค์กรตัวเองอย่างดี ไม่ให้แสวงหาผลประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว ..เพราะเมื่อโดนลงโทษ จะเป็นบทลงโทษโดยตรงกับบริษัท หรือนิติบุคคลนั้น มิใช่โทษส่วนบุคคลพนักงานแต่อย่างใด

.

ส่วนแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหายไปเลยหรือไม่?

พึ่งเฉพาะกฏหมายตัวนี้อย่างเดียวคงไม่ได้.. ต้องมีมาตราการป้องกันพิเศษ เพื่อเอาผิดคนร้าย โดยเกิดจากความร่วมมือของ กสทช. กับ ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่างๆ และ หน่วยงานผู้มีอำนาจ อย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ).. .ในการแทรคหมายเลขต้นทาง, การบล็อคหมายเลขต้องสงสัย, แกะรอยlocation ไปจนถึง ติดตามตัวเครือข่ายเหล่านี้ มาดำเนินคดี

.

.

ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี..


แก๊งCall Center มีหนาวบ้างล่ะ

เอาอะไรมาคิด?!? แอปแจ้งเตือนสส. แก้ #สภาล่ม

เปิดตัว "TH Parliament" แอพมือถือล่าสุด จากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร..ใช้เตือนสส.ในการลงมติ โดยแจ้งผ่านข้อความให้เข้าประชุม มีปฏิทินวันประชุมสภา ..ซึ่งทีมงานสภามั่นใจมากว่า จะแก้ปัญหาสภาล่มได้ ....ได้จริงดิ?

.

ลองมองที่เหตุและผลกันอีกหน่อย ..สภาล่มสาเหตุหลัก เกิดจากการที่ผู้แทนสส. ไม่ทราบวันประชุม หรือไม่มีระบบแจ้งเตือนหรือไม่?

.

หรือเกิดจาก การชักกะเย่อทางการเมือง ระหว่างฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล เพื่อชะลอการโหวตร่างกฎหมายต่างๆ .. หากเป็นเช่นนั้น การที่สส.เลี่ยงแสดงตนนั้น เป็น"ความตั้งใจ" ทั้งๆที่นั่งอยู่ตรงนั้น หรือเดินออกห้องประชุม ขณะมีการนับองค์ประชุม ไม่ใช่การหลงลืมแต่อย่างใด

.

และรู้มั้ยครับ ขณะที่สภาจะนับองค์ประชุม เสียงอ็อดที่ลั่นในสภานี่ดังระดับ 100เดซิเบล ดังระดับมีเครื่องบินเจ็ตบินอยู่เหนือหัวคุณ.. ผมถามว่าถ้าลั่นดังสนั่นทุ่งขนาดนี้แล้ว สส.ยังไม่เข้าแสดงตน ..เจ้าแอพมือถือ ที่ช่วยสั่นเตือนเบาๆคงไม่เหลือ จะไปทำมะเขืออะไรได้

.

เพราะฉะนั้น แอพ "TH Parliament" ของสภา ที่เพิ่มฟังชั่นแจ้งเตือน จึงเป็นแนวทางแก้สภาล่ม ที่ Failed ไร้ซึ่งประสิทธิภาพ ..แถมค่าพัฒนาแอพพวกนี้ รัฐเค้าจัดจ้างกันที เฉียดล้านบาท ..จะเอาภาษีไปสูญเปล่าแบบนี้จริงดิ

.

ผมมักบอกนักศึกษา ในวิชาDesign Management ที่ผมสอนเสมอ ว่าจะแก้ปัญหาด้วยการออกแบบอะไร ควรศึกษาให้ลึกถึงแก่นปัญหา เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้(Emphatize) อย่างถี่ถ้วน มิเช่นนั้น เราจะไม่พบ Solution ทางออกที่แท้จริง แต่อาจได้ขยะมาก่อมลพิษบนโลกนี้ เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชิ้นแทน

.

แถมนวัตกรรมที่ดี ก็ต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้เทคโนโลยีในระดับที่เหมาะสม ไม่ Overtechnolgy


ดั่งสุภาษิตไทยโบราณ เค้าว่า "ขี่ช้างจับตักแตน" คือใช้เครื่องมือเกินตัว ลงทุน ลงแรงเกินความจำเป็น เพื่อทำในสิ่งที่ ได้รับผลตอบแทนน้อยนิด หรือไม่ได้เลยแบบเคสนี้


อยากแจ้งเตือนวันประชุมกับสส. ตั้งห้องไลน์กลุ่ม ตั้งปฏิทินGoogle Carlendar ก็ได้มั้ง

..ไม่ต้องเอะอะสร้างแอพ ผลาญภาษีไปกับสิ่งไม่เกิดประโยชน์

.

.

ถ้าฝั่งสภาจริงใจอยากแก้ #สภาล่ม ต้องแก้ที่ต้นเหตุ


คือ ปรับปรุงวินัยของสส. โดยการปรับข้อบังคับการประชุม ให้มีบทลงโทษสส.ที่โดดแสดงตน.. หนังสือร้องเรียนที่เรารวบรวม ปชช.กว่า 1หมื่นรายชื่อ ส่งไปยังคณะกรรมาธิการกิจการสภา .. ผ่านมา เกือบ 3เดือนยังไม่ได้รับการพิจารณา


นี่สมัยประชุมสภาเปิดแล้ว.. เราจะเดินหน้าเรื่องนี้ เต็มที่ต่อครับ!

ชนะกทม. ด้วยSoft Approach.. ในแบบ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ

เหตุใด ผู้สมัครที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี อย่างคุณชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ.. กลับเลือกใช้พลังที่อ่อนโยนที่สุด จนชนะเวทีผู้ว่ากทม.ถล่มทะลาย 1.3ล้านคะแนน มากที่สุดในประวัติศาสตร์เลือกตั้งกรุงเทพ ..อะไรอยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้?


หลายคนอาจพอคุ้นกับศัพท์ "ซอฟท์พาวเวอร์" ..แต่นี่คือ Soft Appoarch การใช้อำนาจแบบละมุมละม่อม พลังสร้างสรรค์ในการเอาชนะพลังอำนาจ-พลังเงิน.. แนวทางสำคัญที่บันดาลให้ ชนะใจคนกทม.ทุกหมู่เหล่า


การใช้อำนาจหนัก (Hard Approach) ในทางการการเมือง คือรูปแบบหาเสียงเก่าที่เรารู้จัก เช่น การใช้วาทะกรรมโจมตีฝ่ายตรงข้าม, การอาศัยอำนาจรัฐ, อิทธิพลท้องถิ่น, การบังคับใช้กฏหมาย, การใช้เงินทุนฟาด, ระบบหัวคะแนน หรือ การให้สิ่งของ โดยหวังผลมาซึ่งคะแนนเสียง


คุณชัชชาติปฏิเสธที่จะใช้ ไม้แข็งอย่าง Hard Approach.. แต่เดินเกมแบบ Soft Approach โดยใช้พลังละมุนอย่าง ความสร้างสรรค์ในการหาเสียง, การส่งเสริมมีส่วนร่วม, ความเป็นกันเอง, ความถ่อมตน, การดีไซน์ป้ายหาเสียงแบบใหม่, อารมณ์ขัน, การเปิดรับคนรุ่นใหม่, อิสระทางความคิด, ใช้เทคโนโลยีในการนำเสนอ นโยบายในเว็บไซด์ 200กว่าข้อ


แทนที่การบังคับ - บังคับ - บังคับ ให้โปรดเลือกเรา.. เหมือนพรรคอื่นๆ


คุณชัชชาติเน้น สื่อสารง่ายแค่ ทำงาน - ทำงาน - ทำงาน


..ส่วนเลือกเรามั้ย เอาที่ดีต่อใจคุณ


Soft Approach ของคุณชัชชาติ ยังเป็นตัวอย่างให้หลายองค์กร ในเรื่อง "คิดให้เยอะ และพิธีรีตรองให้น้อยลง" หลายครั้งภาพจำคุณชัชชาติมาจาก การถือถุงแกง - การขี่จักรยานมาที่คูหา - การยืนบนลังไม้เล็กๆ เพื่อปราศัย ..เรื่องเหล่านี้ ผมเชื่อว่าไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ นี่คือสัญลักษณ์ที่ทีมงานคุณชัชชาติ ออกแบบมาอย่างดี


ขณะที่ผู้สมัครพรรคอื่นเดินทางด้วยรถตู้หรู มีคนขับ ..คุณชัชชาติ ที่มีรถตู้แบบเดียวกัน เลือกที่จะขี่จักรยานคันสีดำเล็กๆมาเอง .. เป็นการแสดงตัวอย่างให้ชาวกทม.เห็นว่า ไม่ใช่แค่นโยบาย ที่พูดว่าจะลดมลพิษ แต่เค้าทำทันทีตั้งแต่ไม่ทันได้ตำแหน่ง..


ยืนหยัดจะพูดบนลังไม้ ทั้งๆที่มีเวทีใหญ่อยู่ด้านหลัง เป็นสัญลักษณ์แห่งความติดดิน ว่าเค้าจะลงคลุกฝุ่น ลุยปัญหา ในเลเวลเดียวกับประชาชน .. ซึ่งนี่คือไม้Soft Approachเด็ด ที่ทำให้แม้กระทั่งพรรคก้าวไกล ที่เน้นเรื่องความเท่าเทียมของคน แต่ยังปราศัยบนเวทีเตี้ย - บนรถแห่ ยังไม่แสดงออกเรื่องความเท่าเทียม ชัดเท่านี้


ส่วนโทนนำเสนอ คุณชัชชาติ โยนมิติเรื่องดราม่าทิ้งไป และเน้นการผูกมิตรมากกว่า สร้างศัตรู... ดูตัวอย่าง อย่างเวทีการดีเบตในหลายๆเวที.. อดีตผู้สมัครเบอร์8 ถูกกระเซ้าเย้าแหย่ จากคู่ดีเบตอยู่หลายครั้ง แต่แกไม่เคยหลุด ยังคงนอบน้อม ทั้งหมดนี้คือการชนะทางทัศนคติ และวุฒิภาวะล้วนๆ


สุดท้ายคือ คุณชัชชาติไม่เคยพูดว่า จะชนะแลนสไลด์ ชนะให้ขาด เหมือนแนวทางหลายพรรคพยายามคุยโว ..ทั้งที่โพลภายใน ทีมงานคุณชัชชาติ ก็คงพอจะรู้แล้ว ว่าชนะหายห่วง


ความถ่อมตน และแนวทางSoft Approachทั้งหมดนี้นี่เอง คือไม้เด็ดที่ทำให้ คุณชัชชาติ ชนะใจชาวกรุงทุกขั้ว ไม่ว่าแฟนคลับฝั่งซ้าย-ฝั่งขวา ชาวลิเบอร์รัล หรือ กลุ่มอนุรักษณ์นิยม


แสดงความยินดีกับผู้ว่าคนใหม่ด้วยครับ :)

#ดีเบต รถติดจากขบวนVIP ผู้ว่าฯกทม. แก้อย่างไร?

จากดีเบต ผู้ว่ากทม.บนเวที The Standard.. ได้นั่งฟังย้อนหลัง เพราะคำถามดังกล่าวน่าสนใจ และอาจจะหลุดจากหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม ไปหน่อย... ซึ่งทั้ง คุณชัชชาติ สิทธิพันธ์ และ คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ..2ผู้สมัครรับเลือกตั้ง มิได้ทักท้วง และพยายามตอบคำถาม ที่ดูcontrovertial แบบนี้

.

.

แน่นอนเทียบจากฟอร์ม 2คน.. คุณชัชชาติ เข้าใจกรอบอำนาจของผู้ว่าฯ ได้ดีกว่า เพราะอำนาจการอำนวยการจราจร บนถนนทั้งหมดนั้น สิทธิขาดอยู่ที่ "กองบังคับการตำรวจจราจร" ซึ่งผู้ว่า ไม่มีอำนาจกำหนดอะไรทั้งสิ้น.. แม้กทม.มีหน่วยงานชื่อว่า "คณะกรรมการการจราจรและการขนส่ง" ขึ้นตรงกับสภากทม. แต่มีหน้าที่เพียงนำเสนอ แนวทางแก้ไขเชิงวิชาการ.. ไม่มีอำนาจการเปิดปิด ช่องทางจราจรแต่อย่างใด

.

.

ตัดมาที่คำตอบคุณวิโรจน์ ไปกันใหญ่ ..บอกว่าผู้ว่าควรไปเจรจากับพระราชสำนัก เพื่อขอกำหนดเดินทางล่วงหน้า เพื่อแจ้งปชช. ..อันนี้หน้าที่ผู้ว่ากทม.หรือไม่? หรือ ถ้าครม. ต้องการรถนำขบวน คุณวิโรจน์ก็จะเดินเข้าที่ประชุม ไปขอทุกครั้งใช่หรือไม่? ...เรื่องเหล่านี้ เกินขอบข่ายอำนาจ และมาจากปากคนที่ไม่รู้จริงว่า ตำแหน่งที่ท่านลงสมัครอยู่

.

ผู้ว่าฯ = พ่อบ้านกรุงเทพ ตัวการประสานงาน มิใช่มาเฟียคุมเส้นทางสายไหม.. ต้องเข้าใจขอบเขตการทำงาน พูดจา-ขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้

.

สิ่งที่ผู้ว่าพึงทำได้ จึงเป็นการประสานงานไปยัง "ฝ่ายจราจร" หากต้องการแก้ปัญหารถติด จากขบวนVIPต่างๆ ..คำตอบคุณชัชชาติ ที่บอกว่าควรตั้ง ศูนย์ "Single Command Center" มีตำรวจจราจร - ข้าราชการกทม. ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ..ไม่เลว แต่อาจไม่ใช่ทางออกที่คุ้มค่าที่สุด

.

.

วิจารณ์ทั้ง 2ท่าน จนหลายคนคอมเม้นต์มา ว่าขอแนวทางแก้ไขหน่อย..

.

.

คิดเร็วๆ วิธีแก้ที่ผมนำเสนอคือ ประสานไปยังจราจร และทำแคมเปญ ขอความร่วมมือไม่ให้มีรถVIP วิ่งช่วงprime time : เช้า 7โมง-9โมง : เย็น 5โมง-หนึ่งทุ่ม


เพราะปัญหารถติดที่เกิดขึ้น คือช่วงเวลาดังกล่าว VIP จะใช้เฮลิคอปเตอร์โดยสารอะไรก็ว่าไป.. ถ้าคณะครม. หรือผู้คนในวังจะเดินทาง ช่วงตี3 ..ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเค้า


นี่คือหนึ่งในทางออก แบบเสรีนิยมประชาธิปไตย


Win both ways ครับ

งามไส้ "ไทยแลนด์" ..บทเรียนลิขสิทธิ์ ทีมชาติไทย

เป็นเรื่องน่ายินดี ที่นักกีฬาปันจักสีลัต ทีมชาติไทย โชว์ฟอร์มคว้าเหรียญทองแรกในซีเกมส์ 2021ให้ทัพนักกีฬาไทยได้สำเร็จ


แต่ก็มีเรื่องไม่น่ายินดี สอดไส้เข้ามา.. เมื่อมีดราม่าการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา คือ อักษร “ไทยแลนด์” ที่ออกแบบได้อย่างน่าทึ่ง อ่านได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ของคุณ สุชาล ฉวีวรรณ ถูกนำมาใช้งาน โดยปักอยู่กลางหลังเสื้อนักกีฬาไทยเรา.. ทั้งที่ไม่ได้มีการยินยอม หรือติดต่อเข้ามาจาก สมาคมปันจักสีลัตไทย เพื่อขออนุญาติ

.

.

ซึ่งถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตาม พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 ซึ่งคุ้มครองทรัพสินทร์ทางปัญญา ซึ่งในเคสนี้คือ อักษรประดิษฐ์ชุดนี้ จะถูกคุ้มครองสิทธิ์ ไปอีก50ปีหลังจากมีการเผยแพร่.. สิทธิในการใช้งานแบบอักษรนี้จะถูกคุ้มครอง ไปอีกอย่างน้อย ถึงปีพศ. 2614


โดยผู้ใดนำไปทำซ้ำ หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน จะผิดมาตรา 69 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท โดยในเคสนี้ไม่มีการนำไปใช้เเพื่อประโยชน์ทางการค้า เพราะไม่ได้มีแบรนด์เสื้อกีฬาใดเป็นผู้ผลิต บนเสื้อปรากฏเพียงตราสมาคมกีฬาที่เกี่ยวข้อง จึงได้ยกเว้นโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี ในส่วนอาญาออกไป

.

.

ไม่ว่ามองมุมไหน ก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่นักออกแบบท่านนี้ ..คนชอบคิดว่าการขีดๆเขียนๆ ทำกราฟฟิกมันจะไปยากอะไร ยากซิครับเหมือนกับทุกอาชีพ นี่คือทรัพย์สินทางปัญญา ที่ต้องใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถและความวิริยะอุตสาหะ สิ่งเหล่านี้ตีประเมิณค่ามหาศาล ..จับไปใช้มือเปล่า มันแฟร์ตรงไหน?


ยิ่งการละเมิดเนี่ยะ มาจากทีมชาติตัวเอง ยิ่งน่าหดหู่ใจ... การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือสมาคมกีฬาบ้านเรา มีงบจัดจ้างผลิตอุปกรณ์กีฬาให้นักกีฬาทีมชาติเท่าไหร่ เวลามีการประกวดแบบออกแบบโลโก้ ใช้งบประมาณเยอะกว่านี้หลายเท่า แต่ผลงานออกมาดูเป็น หน่วยงานเชยๆตามเทศบาล

.

.

ทำไมไม่ติดต่อขอลิขสิทธิ์เค้าไปใช้ดีๆ ให้เงินเล็กน้อยเป็นสินน้ำใจ ..นักออกแบบคนไหนเค้าก็ภูมิใจ และยินดีให้ความร่วมมือนะครับ


แต่ขโมยใช้แบบนี้ ควรเรียกร้องค่าเสียหาย เพื่อเป็นบทเรียนบรรทัดฐานให้วงการกีฬาไทย

.

.

Soft Powerเรา คงไปไม่ถึงไหน


ถ้ายังไปเอาเปรียบ คนทำงานสร้างสรรค์กันเองแบบนี้


ใช้"อักษร"แก้สับสน.. เลือกตั้งระบบ 2เบอร์ 2ใบ ✖

สำหรับการเลือกตั้ง กทม.ครั้งนี้ ที่จะเลือกกัน 22 พ.ค. ที่คนกรุงเทพฯ รอคอยมายาวนาน หลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ เมืองหลวงครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2556 หรือเมื่อเกือบ 9 ปีที่แล้ว ขณะที่การเลือกตั้ง ส.ก. ยิ่งนานกว่านั้น ร่วม 12 ปี (ไม่นับรวมเลือกตั้งซ่อม ส.ก.)



แต่ความ(งง)พิเศษของการเลือกรอบนี้ เป็นการเลือกแบบ 2ใบ 2เบอร์ ผิดกับรอบก่อนๆ.. ที่อาจสร้างความสับสนอลหม่านที่อาจเกิดขึ้นกับปชช. เพราะผู้สมัครผู้ว่าก็เบอร์นึง ..ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพ ก็อีกเบอร์นึง



จากป้ายหาเสียงนับพัน บนท้องถนน.. เห็นแล้วก็หนักใจแทนคนกรุง ต้องจำ2เลข - จำ2ผู้สมัคร - จำสีบัตร2ใบ สีน้ำตาล และสีชมพู.. ซึ่งต้องลุ้นว่าจะกาผิดกาถูกกันขนาดไหน ซึ่งความผิดพลาด Human error สามารถเกิดขึ้นได้ตลอด เมื่อกาจริงในคูหา

.

.

แน่นอนสำหรับคอการเมือง ท่านคงจำคนที่ท่านเล็งไว้จะเลือกขึ้นใจ ไม่มีปัญหา.. แต่สำหรับชาวกรุงเทพอีกจำนวนมาก ที่เค้าทำงานอย่างเร่งรีบ และไม่ได้ให้เวลากับเรื่องการเมืองนัก หลายคนยังไม่ทราบว่ามี การเลือกสก. ควบคู่กับผู้ว่ากทม.ในรอบนี้ด้วยซ้ำ

.

.

วิธีแก้ในมิติทาง Communication Design เบอร์ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทั้ง2บทบาท ควรปรับเป็นเป็นการใช้ 2ตัวแปรแทนที่ คือ



◼️ ใช้ตัวอักษร (ก-ฮ) แทนที่ สำหรับรหัสผู้สมัครผู้ว่ากทม



เช่น ก. วิโรจน์ / ข. สกลธี / ค. สุชัชวีร์ / ง. อัศวิน/ จ. ชัชชาติ เป็นต้น



◼️ ใช้ตัวเลข (1-99) สำหรับผู้สมัครสก.แต่ละเขต



เช่น 1. ผู้สมัครสก.คนที่หนึ่ง / 2. ผู้สมัครสก.คนที่สอง / 3. ผู้สมัครสก.คนที่สาม เป็นต้น



ซึ่งการใช้ 2ตัวแปรง่ายๆ สามารถลดความสับสนจากการสื่อสาร ซึ่งหลักๆเกิดจากการที่ใช้"ตัวเลข"เป็นสัญลักษณ์ เพียงอย่างเดียว

.

.

ไม่เชื่อ รอดูตัวเลขจากผลเลือกตั้งที่จะผิดเพี้ยนหน่อยๆ เราจะเห็นเลยว่า จะมีผลเลือกตั้งที่สับสนตามมา ตัวเลขคะแนนเสียงเบอร์ 1, 4, 6, 8 ที่มีความนิยมจากตัวผู้สมัครผู้ว่ากทม. จะไหลไปยังผู้สมัครสก. หมายเลขดังกล่าว(คนละพรรค)โดยไม่ตั้งใจ ..เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะในเกือบทุกเขต

.

.

ถ้าไม่ทันในรอบนี้ กกต. ก็ควรพิจารณาใช้เป็นกรณีศึกษาสำหรับ สนามเลือกตั้งใหญ่รอบหน้า ในศึกเลือกตั้งสส. ที่ใช้ระบบ 2เบอร์ 2ใบ แบบเเดียวกัน ..ปรับให้การเลือกคะแนนนิยมพรรค ปาร์ตี้ลิสต์ เป็น (ก-ฮ) และผู้สมัครสส. เป็น(1-99)



จะได้ไม่ผลักภาระการจำ ให้อยู่กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพียงฝ่ายเดียว และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเลือกผู้แทน ไม่ให้เกิดคะแนนเสียโดยไม่ตั้งใจอีกด้วย



พลังสายสายเขียว🌿 #Happy420 #WorldWeedDay

สุขสันต์วันกัญชาโลก.. ทุกวันที่ 20 เดือน 4 ทั่วทุกมุมโลก จะมีกลุ่มคนที่รักกัญชา และมองเห็นถึงคุณประโยชน์ของพืชสายเขียวชนิดนี้ รวมตัวเรียกร้องให้ถึงเวลาต้อง legalize ทำให้การใช้กัญชาถูกกฎหมายซะที..

.

.

ซึ่งที่มาว่าทำไมต้องเป็นวัน 4/20 ตามคำบอกเล่าของ สตีเว่น เฮเกอร์ บรรณาธิการนิตยสาร Marijuana Focused เล่าว่าสมัยก่อนการใช้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฏหมาย กลุ่มวัยรุ่นอเมริกันทางแคลิฟอร์เนีย จึงนัดรวมตัวกันแอบสูบ กัญชามวน (Joint) ทุกวันตอน 4.20โมงเย็น ..จึงเป็นธรรมเนียมจำตามกันมา ง่ายๆแบบนี้เลย

.

.

ปัจจุบัน ประเทศที่การใช้กัญชา ถูกกฎหมาย 100% เชิงพานิชย์แล้วได้แก่

แคนนาดา, มอลต้า, จอร์เจีย, เม็กซิโก, อุรุกวัย, แอฟริกาใต้ และอีก18รัฐ ในอเมริกา


ส่วนในประเทศไทย ให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฏหมายเมื่อใช้ประโยชน์ในการแพทย์เท่านั้น และยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะเปิดเสรีเพิ่มขึ้นต่อไปอย่างไร?


ถ้าในอนาคต ประเทศไทยสามารถทำให้กัญชาถูกกฎหมายได้ โดยเป็นสินค้าเชิงพานิชย์ ที่มีกฏหมายควบคุมถี่ถ้วน ทั้งข้อจำกัดทางการค้า, โควต้าการปลูก และการควบคุมการเสพย์ อย่างเป็นระบบ ..ไม่เปิดช่องให้นายทุนใหญ่ได้ประโยชน์เพียงกลุ่มเดียว ..ไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมา


ก็จะช่วยผลักดันเม็ดเงินให้กับแวดวงเกษตรกรรมไทย ได้อีกมหาศาล


สายเขียว ว่ายังงัยกันบ้าง?

รู้พ่อ ไม่รู้ใจ.. แบคกราวน์เช็คในพรรคการเมือง

การสืบปูมหลังก่อนการรับเข้าทำงาน (Background Screening) เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกองค์กร-บริษัท ล้วนสอบประวัติ ซักไซร้เพื่อให้ได้ทรัพยากรบุคคลที่ดีที่สุดเข้าองค์กร

.

.

ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งใหญ่โตไร ..จะรับสมัครแม่บ้าน - พนักงานรปภ. - พนักงานแคชเชียร์ซักคน เค้ายังสอบประวัติกันยับ โทรเช็คนายจ้างเก่าแทบทุกคน เพื่อยืนยันถึงความประพฤติที่ไว้ใจได้

.

.

การเช็คแบคกราวน์แต่ละตำแหน่ง จะแตกต่างกันไป.. โดยใช้ข้อมูลเหล่านี้


◾ ประวัติการศึกษา (Educational History)


◾ ประวัติอาชญากรรม (Criminal Record)


◾ ประวัติการทำงาน (Employment History)


◾ ประวัติการชำระเงิน (Credit Score)


◾ พฤติกรรมการขับรถ (Driving Record)


◾ ผลตรวจยา (Drugs Testing)

.

.

ในต่างประเทศ การสอบประวัติ ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรค.. จะมีกระบวนเข้มข้นพิเศษ โดยที่จะมีทีมงานดูแลภาพลักษณ์ภายในรวบรวม พฤติกรรมฉาวโฉ่ในอดีต เช่น การใช้ยาเสพย์ติด, การพนัน, การซื้อบริการประเวณี และอื่นๆ ของผู้สมัครมาเก็บไว้ภายใน ..เพื่อหาวิธีแก้ไข หรือลบประวัตินั้นทิ้ง ..ก่อนที่ข้อมูลร้ายดังกล่าวจะหลุดรั่วไปถึงฝั่งตรงข้าม


ดั่งที่แฟรงค์ อันเดอร์วู๊ด จากซีรี่ย์การเมือง House Of Cards พูดไว้ว่า


"Honesty is your best defense and offense.."


ความจริงใจ คือเครื่องป้องกัน และเครื่องมือโจมตีที่ดีที่สุด ของนักการเมือง

.

.

จากเหตุการณ์ฉาวเร็วๆนี้ ของรองหัวหน้าพรรคนึง ที่มีคดีความเรื่องล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงยาวเหยียด ...คำถามจึงมีอยู่ว่า พรรคการเมืองเก่าแก่แบบนี้ ไม่ได้มีกระบวนการเช็คปูมหลังคนในพรรคเลย หรือ มีแต่ยังตั้งใจส่ง ?

.

.

เรื่องนี้ทำให้ประชาชนแคลงใจ ถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ของผู้สมัครแต่ละรายไม่น้อย ว่าผ่าน QC (Quality Check) มาดีหรือไม่? หรือจะมีความบรรลัย ซ่อนไว้อยู่ในโพรงอีก ...แต่ถ้าทั้งหมดนี้ ทางพรรคได้เช็ค และรับรู้ประวัติฉาวดังกล่าวแล้ว แต่ยังปล่อยคนที่มีแต่ภาพ แต่ทุพพลภาพทางความประพฤติแบบนี้ ...มาดำรงตำแหน่งสำคัญของพรรค ขนาดรองหัวหน้าพรรค, ผู้อำนวยการการเลือกตั้งกรุงเทพ, หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ..แค่คิดก็ตะหงิดๆแล้ว

.

.

รู้ทั้งรู้แต่เลือกมา ..รู้ทั้งรู้ แต่คิดว่าเอาตระกร้าล้างน้ำแล้วขายได้ เพราะปชช.โง่มี


ถ้าขนาดนี้ อย่ามัวโทษว่าเป็นความผิดส่วนบุคคลเลยครับ


นี่มันคือความบกพร่องทางจริยธรรม ของตัวพรรคซะมากกว่า.. ใช่ไม่ใช่?

กำจัดไม่โปร่งใส ..ด้วยความไม่โปร่งใส? #หวยแพง

คิดยังงัยก็ไม่เมคเซ้นส์... เหมือนตั้งใจซักผ้าเก่า ด้วยน้ำเน่า.. ซักเข้าไป ไม่มีวันจะสะอาดเอี่ยมขึ้นมาได้


กับความพยายามล่าสุด ที่รัฐ และกองสลากพยายามปราบปรามกลุ่ม Reseller พ่อค้าสลากคนกลางที่ขายต่อกัน จนเป็นเหตุทำให้สลากเกินราคา ..โดยการส่งมือปราบหวยเฉพาะกิจ ภายใต้ชื่อคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสลากแพง ลงมาจัดการขบวนการเหล่านี้


แต่ท้ายที่สุดมือปราบคนดังกล่าว ดันมีข้อครหา เรื่องคลิปเสียงหลุดซะเอง ซึ่งอาจเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างมีเงื่อนงำ ..ตรงนี้ก็ต้องว่ากันในกระบวนการสอบสวนต่อไป



จึงมีการตั้งข้อสงสัย.. ความพยายามแก้ปัญหาจากรัฐ จริงแท้หรือแค่ปาหี่?

.

.

เชื่อมั้ยครับ 4.8 หมื่นล้าน คือปริมาณเงินที่ผู้ซื้อหวยไทยต้องจ่ายแพงขึ้น ในหนึ่งปี (ดูวิธีการคำนวนละเอียดในบทความ shorturl.at/lvHPV) ...ผลประโยชน์จำนวนนี้อย่างเดียวคือเค้กก้อนโต ที่หอมหวานจนทำให้เรื่องหวยแพงนี้ แก้ยากแก้เย็นนัก ไม่ว่าผ่านรัฐบาลมากี่สมัย... ขบวนการจัดจำหน่ายหวยเกินราคา เค้าเอาเปรียบผู้บริโภคมาตลอด

.

.

ง่ายๆนะครับ หวยแพงเกิดจากอะไร? หวยแพงขึ้นทุกครั้ง เมื่อมีการส่งต่อ... ยิ่งผ่านจำนวนมือพ่อค้าคนกลางกี่ทอด ยิ่งอัพราคาขึ้นไปเรื่อยๆ ง่ายๆแค่นั้นแหละครับ


เทียบให้เห็นภาพเหมือนการวิ่งผลัด แต่ไม้ผลัดเนี่ยะเป็นสลากกินแบ่ง ..ไม้ที่หนึ่ง ส่งให้ไม้ที่2... ไม้ที่2 บอกขอกรูขอ 5บาทนะค่าเหนื่อย ..ไม้2 ส่งต่อให้ไม้ 3 คนวิ่งไม้3 บอกนี่เอาหวยมารวมชุดให้แล้วนะ ขอบวกอีก 5บาท ... ทำกันเป็นทอดๆ จนสุดท้ายราคาแพงถึงผู้บริโภค


ราคาซื้อสลาก 1ใบ ในตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 100.-/ใบ (80บาท จากการลงสำรวจ ทุกคนยืนยันไม่มีอยู่จริง) ...ขณะที่ถ้าคุณได้ 95.- ก็ถือว่าคุณโชคดีหน่อยได้ไม้ที่ 3 ...หากซื้อที่ 120.-/ใบ ก็อาจจะผ่านมือมาแล้วซัก 4-5ไม้

.

.

เห็นมั้ยครับต้นตอทั้งหมดก็คือ "คน" ไม่ว่าคนขาย หรือ คนดูแลกำกับซะเอง ..เป็นธรรมชาติของมนุษย์ครับ ที่มักมีความโลภ, มีการใฝ่หาผลโยชน์, มีการเอนเอียงในการใช้อำนาจ..

.

.

ถึงเวลาแล้วที่รัฐต้องใช้เทคโนโลยี เข้ามาแก้หวยแพง... เพราะเทคโนโลยีโปร่งใสกว่ามนุษย์ ตรวจสอบได้มากกว่า ให้กองสลากขายออนไลน์ตรงสู่ผู้ซื้อเอง กระจายให้ทุกคนได้รับที่ 80.-/ใบ ...ทำได้แล้ววันนี้ อยู่ที่จริงใจจะทำแค่ไหน ..ล่าสุดก็มีความคืบหน้า เรื่องกองสลากจะขายหวยผ่านแอป "เป๋าตัง" ในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่ดีครับ ถึงแม้ยังไม่มีรายละเอียด ว่าปริมาณการขายนำร่องจะอยู่ที่กี่ใบ

.

.

ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมคือ ..ช่วงแรกรัฐอาจ ขายออนไลน์ทาง"เป๋าตัง" เปิดแบบจำกัด 15ล้านใบ ลดโควต้าขายตัวแทนเดิม ลงเหลือ 85ล้านใบก่อน ..แล้วค่อยๆเพิ่มอัตราส่วนเป็น 30%-70% ปรับไปจน 50-50% และคอยดูผลตอบรับ ..เพื่อไม่ให้กระทบรายย่อยจังๆ และยังเป็นการหาจุดสมดุลย์ราคาได้ ลดการโก่งราคาที่แผงอ๊อฟไลน์แบบเห็นผล


ยังอาจจะสามารถเพิ่มลูกเล่นในอนาคต ให้คนซื้อหวย สามารถเลือกเลขท้ายที่พวกเค้าต้องการ ตามระบบล็อตโต้เมืองนอก.. ก็จะแก้ปัญหาเลขเด็ด-เลขชุดราคาแพง ได้อีกเช่นกัน

.

.

และเมื่อผู้ซื้อหวยไทย ทุกคนสามารถเข้าถึงหวย ราคา80.-ได้ ..หลังจากนั้นผู้บริโภค อยากไปขายต่อ ฝากขายทำกำไร หาซื้อเลขสวย-เลขชุด ตามแพลตฟอร์ม marketplace อย่างมังกรฟ้า, กองสลากพลัส หรือเจ้าอื่นๆ ทำได้เลยครับ ปล่อยตามกลไกเสรี ไม่ต้องไปจับเค้า

.

.

ลดคนกลาง เก็งกำไร - ลดผู้มีอิทธิพล ควบคุมกลไก - ลดอำนาจทางกลางเมือง เข้าแทรกแซง


ลดราคาหวย อย่างมีประสิทธิภาพ เหลือ 80.-/ใบ


แก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยี ..ไม่ใช่วิธี ตั้งกี่ร้อยมือปราบหรอกครับ