ล็อคดาวน์อนาคตเด็ก ปิดการศึกษา1ปี ??
ล็อคดาวน์อนาคตเด็ก ปิดการศึกษา1ปี??
◾ ปลัดกระทรวงศึกษา อ้างเด็กนร.เรียนออนไลน์แล้วเครียด ทำให้การเรียนไม่ได้ผล..??
◾ นักวิชาการจากเกษตรศาสตร์ ชงนโยบายหยุดการเรียนการสอน 1 ปี ..เพราะนร.เรียนออนไลน์แล้วเครียด ทำให้มีปริมาณโดดเรียน 20%
.
.
ที่เครียดที่สุด เห็นจะเป็นทางผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาซะมากกว่าเด็กๆ.. เพราะยังไม่มีปัญญาที่จะคิดหาทางออกให้เด็กนร.ได้ ทั้งที่วันเปิดเทอมปีการศึกษาใหม่จ่ออยู่ข้างหน้านี่แล้ว ..เด็กคือวัยแห่งการปรับตัว เค้าสามารถใช้ระยะเวลาสั้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ได้เร็วกว่าคนวัยอื่น..
.
.
จากประสบการณ์สอนเด็กนักศึกษาในชั้นอุดมศึกษาอยู่หลายปี ค้นพบว่าเด็กส่วนใหญ่ปรับตัวได้ดีเมื่อเข้ามาในคลาสออนไลน์ และผ่อนคลายเมื่อได้อยู่หน้าจอที่เค้าคุ้นเคย.. แถมเด็กมีแนวโน้มจะมีส่วนร่วม - ตอบคำถามกับคลาสง่ายขึ้น เพราะสามารถพิมพ์ตอบโต้ผู้สอนโดยไม่ต้องยกมือ.. ความเครียดเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเบื้องต้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นธรรมดา เมื่อมนุษย์อยู่ในสภาวะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
.
.
ส่วนเรื่องอัตราการโดดเรียนนั้น ลองไปส่องดูในโรงเรียนรัฐในยามปกติ ที่เด็กโดดเรียนกันเป็นว่าเล่นที่ไม่น่าจะน้อยกว่า 20%ที่ผู้ใหญ่ในศธ.กังวลนักหนา ...
ขณะที่รร.รัฐหลายแห่งกำลังทะยอยเปิดภาคการศึกษาอยู่วันมะร่อ ทางรัฐยังไม่ประกาศฟันธง หรือ มีมาตรการส่วนกลางชัดๆ ว่าจะมีแนวทางทำให้เด็กนักเรียน-นักศึกษา กว่า10ล้านคน ..เรียนออนไลน์ได้อย่างไร ..
..มีแต่การชดเชย ชดใช้-แจกเงิน ตามความถนัดของรัฐบาลทหาร ที่เตรียมใช้งบ 32,000ล้านบาท ..เอาไปแจกค่าทำขวัญกับผู้ปกครองแต่ละบ้าน ในวงเงินไม่เกิน 2,000บาท ...แน่นอน 2พันสำหรับบางบ้าน ก็ช่วยเยียวยาให้มีข้าวกิน-หลับนอนไปได้ ...แต่นี่พูดถึงการศึกษา อนาคตของเด็กทั้งชาติ ที่ยังไม่มีทางออก จนส่อว่าจะหยุดเรียนไปเลย 1ปีเต็ม ที่มูลค่าความเสียหายมากกว่า 2พัน หลายเท่าตัว อาจเปลี่ยนให้เด็กบางคนหลุดออกจากระบบการศึกษาไปชั่วชีวิต
กระทรวงกล้าเดิมพันกับความเสี่ยงเหล่านี้? ผลวิจัยจากองค์กรOECD บอกว่าความเสี่ยงของเด็กนักเรียนกลุ่มที่ต้องหยุดเรียนในภาวะวิฤตินี้(Learning loss) จะทำให้สูญเสียค่าเฉลี่ยรายได้ส่วนบุคคล และทักษะการทำงานด้อยลง เมื่อจบไปทำงาน.. อีกทั้งยังซึ่งยังส่งผลกระทบต่อเนื่อง ต่อภาพรวมเศรษฐกิจของชาติในระยะยาว.. นอกจากล็อคดาวน์เมือง เรากำลังจะล็อคดาวน์อนาคตของเด็ก จากแค่ผู้ถืออำนาจรัฐไม่ใช้ปัญญาในการแก้งั้นหรือ?
.
.
...ทำไมไม่ใช้ 32,000ล้านเดินหน้า ให้การศึกษาชาติไปต่อได้ ตั้งทีม edTech ร่วมมือกับเอกชนก็ได้ ทำการเรียนการสอนทางไกลจากcenter โดยจัดให้ครูประจำชั้นให้หน้าที่เป็นเพียง moderator ผู้ดูแล เพื่อลดปัญหา ..ส่วนเรื่องHardware อุปกรณ์นั้น ต้องทำการแยกกลุ่มผู้ปกครองและเด็กนร. ที่มีความพร้อม กับไม่มีความพร้อม
.
.
◾ กลุ่มมีความพร้อม มีอุปกรณ์+ความรู้ความสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ทได้ สนับสนุนค่าซิมอินเตอร์เน็ต 79.- ใช้ได้ตลอดเทอม โดยอาศัยความร่วมมือกับกสทช.
◾ กลุ่มมีความพร้อม ไม่มีอุปกรณ์.. รัฐทำการเช่าซื้อแทบเล็ตเพื่อการศึกษา ราคาถูก ส่งต่อให้เด็กนร. คิดค่าเช่าเป็นค่าใช้จ่ายรวมไปกับค่าเทอม.. ครูและนักเรียนในคลาส ช่วยให้ความรู้ในการใช้งานเครื่องมือช่วงต้นเทอม
◾ กลุ่มไม่มีความพร้อม ไม่มีอุปกรณ์.. ไม่ทิ้ง แต่ใช้สื่ออื่นเข้าทดแทนในการเรียนแทน เช่น ช่องทีวีรัฐเพื่อการศึกษา หรือ แบบเรียนด้วยตัวเองส่งทางจดหมาย ..แล้วใช้วิธีดั้งเดิมคือครูประจำวิชาโทรประเมิน และให้คำปรึกษา หากเด็กคนไหนมีข้อสงสัยเพิ่มเติม
.
.
ทั้งหมดคือการจัดการข้อมูลที่ดี หมดยุคแล้วที่แบ่งเด็กโดยชั้นเรียน/ โรงเรียน เพราะพื้นฐานแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน ครูบางคนก็ยังใหม่ๆมากๆสอนออนไลน์ไม่คล่อง.. เอาระบบ edTechส่วนกลางที่ดีเข้าทดแทน ให้เรียนจากcenter ครูคอยเป็นพี่เลี้ยง ถึงจะพอแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
.
.
สรุปคือแทนที่กระทรวงศธ. จะหนีปัญหาด้วยการปิดการเรียนการสอนทั้งปี ควรใช้โอกาสนี้ในการปรับตัวโครงสร้างการเรียนการสอนใหม่ในยุค Digital ...จากที่โรงเรียนและครูเคยเป็นศูนย์กลาง ปรับเปลี่ยนเป็นระบบ Student-Centric ที่ให้นร.เป็นศูนย์กลาง นำระบบแพลทฟอร์มให้ความรู้ออนไลน์เสิร์ฟให้เหมาะกับนร.ที่บ้าน ให้เค้าสามารถเรียนรู้เองได้
.
ทันยุคทันสมัย ปรับตัวเองให้เด็กน่าจะดี
.
อย่าให้นร.หยุดเรียน 1 ปี ...บุคลากรยังรับเงินเดือนฟรี 1 ปี
.
มันจะไม่งามหน้าซักเท่าไร..