ยากรูอยู่ไหน?? ...บั๊คในระบบ Home Isolation

หลายเคสผู้ป่วย ที่ผมเจอหลังๆก็คือ เมื่อลงทะเบียนรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) แต่ปรากฏไม่มียา และอาหาร 3มื้อ มาส่งจริงตามนัด... เรื่องนี้สำคัญเกินกว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะรับเรื่องแบบขอไปที แล้วเทผู้ป่วยกลางคัน เพราะนี่คือหลายชีวิตที่ต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย


บางเคสรอเป็นสัปดาห์ จากผู้ป่วยสภาพดี-สีเขียว จนอาการกำเริบหนัก สภาพแย่ กลายเป็นผู้ป่วยสีเหลือง... บางเคสก็รอยาวไป จนหายเอง ยังไม่เคยเห็นจ่าหน้าซองยา แม้แต่ครั้งเดียว


#ระบบการส่งยาต้องจริงจังกว่านี้ ในกระบวนการHI.. เทียบง่ายๆ ทุกวันนี้เราสั่งซื้อเสื้อออนไลน์ในช้อปปี้ ของยังมาส่งได้วันรุ่งขึ้น.. ขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่จำเป็นสุดๆ ดันได้รับล่าช้าเป็นสัปดาห์ แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าการจัดการมีปัญหา


◾ เชื่อมั้ย? อย่างประเทศอเมริกา Amazon ประกาศปิดส่งสินค้าทุกประเภทที่ไม่จำเป็น เพื่อการลำเลียงสินค้าสาธารณสุขจำเป็นอย่าง ยารักษาโรค หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั่วประเทศเค้าก่อน ...นั่นเป็นเพราะเค้า Pioritize ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพผู้คนเหนือสิ่งอื่นใด


ปัญหา Home Isolation เกี่ยวโยงกับระบบสาธารณสุข และการจัดสรรข้อมูลของภาครัฐ โดยตรง.. ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไขให้ไวที่สุด เพราะทุกนาทีมีผู้ป่วยอาการหนักซึ่งชีวิตของประชาชนเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับการจัดการวิกฤติ อย่างมีประสิทธิภาพ



จากข้อมูลสายด่วน สปสช.1330 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ จนถึง วันที่ 1 มีนาคม 2565 จำนวนการโทรเข้าสายด่วน สปสช.1330 แต่ละวันยังคงอยู่ที่ระดับ 40,000-70,000 สาย เช่นเดียวกับช่องทาง Non Voice หรือสื่อสารผ่านไลน์ สปสช. และ Facebook สปสช. ก็เฉลี่ยวันละกว่า 9,000 รายเช่นกัน


ด้วยผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นกว่าสองหมื่นรายต่อวัน โดยวันที่ 1 มีนาคม มีจำนวนสายโทรเข้ามากที่สุดสูงถึง 70,300 สาย และช่องทาง Non Voice กว่า 12,000 ราย ซึ่งทางสปสช.เอง ยอมรับว่าเป็นจำนวนเกินศักยภาพที่ระบบจะรองรับได้


แนวทางแก้คือ สปสช. ควรดึงเอกชน และประชาชนอาสาสมัครเข้ามามีส่วนร่วมกว่านี้...


1) ผนวกเพิ่มความร่วมมือ กับองค์กรเอกชนด้าน Logistic


ดึงเอามือพระกาฬอย่าง Grab, LineMan, Lalamove, Kerry, J&T และอีกมากมาย เขามามีส่วนร่วมในการจัดส่งยาและอาหาร ในระบบ Home Isolation... เพราะทุกองค์กรเอกชน ย่อมอยากมีแคมเปญ CSR (Corporate Social Responsibility) ตอบแทนสังคมอยู่แล้ว ...ซึ่งเอกชนรายนั้นก็จะได้ภาพลักษณ์ช่วยสังคม ขณะเดียวกันก็ช่วย เติมเต็มประสิทธิภาพการแจกจ่ายยาของ สปสช. ได้อีกมากโข ...จากที่ก่อนหน้านี้พาร์ตเนอร์กับแค่กับ ไปรษณีย์ไทยเจ้าเดียว ซึ่งไม่เพียงพอ


2) เปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้ปชช.ช่วย "อาสาลำเลียงยา"


ก่อนหน้านี้ สปสช. ไม่เคยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม... มีแต่ประชาชนวิ่งเข้าหา เพื่อขออาสาส่งความช่วยเหลือผ่านเพจหมอ หรือผ่านบุคคลากรณ์การแพทย์ที่ตนรู้จัก แต่ในสถานการณ์นี้ปริมาณความต้องการยา เกินกว่าที่ระบบฝากๆกัน จะทำงานได้ทัน.. สปสช. ควรเปิดลงทะเบียน "อาสาลำเลียงยา" อย่างเป็นจริงเป็นจัง ...ให้ประชาชนที่มีความพร้อมช่วยกันดูแล นี่เราพูดถึงจำนวนแรงงานอาสาทั่วประเทศกว่า 5หมื่นคน ที่เข้ามาช่วยแก้วิกฤติ


ย้ำชัดๆอีกครั้ง...

ระบบHome Isolation ต้องจริงจัง มีประสิทธิภาพกว่านี้

หากเกินกำลังรัฐ ต้องเปิดโอกาส ให้ฝ่ายอื่นมีส่วนร่วม

ก่อนที่ชีวิตใครอีกหลายคน ต้องสูญเสีย


▬▬

#หมดเวลาดราม่า #เดินหน้าเศรษฐกิจ

#ลอรี่ไม่รีรอ #สวนหลวงประเวศ

Previous
Previous

ถอดรหัส เปลวเพลิงรีสอร์ทหรู #เกาะกูด 🏝️🔥

Next
Next

ถึงเวลา? คนไทยได้ Wifiฟรี.. #เศรษฐกิจดิจิตัล