ถึงเวลา "ล๊อคดาวน์" รัฐบาลหรือยัง?

 

หากล๊อคดาวน์ คือปิดบางส่วน เพื่อรักษาสถานการณ์โดยรวมให้ดีขึ้น..

..เราควรล๊อคดาวน์ตรงไหนกันแน่?

 





เวลาตี 1 วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน ..รัฐบาลไทยประกาศราชกิจจานุเบกษา ออกข้อกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน บลา บลา.. พูดซะยืดยาว จริงๆก็คือล๊อคดาวน์ รอบที่4 ภายในพื้นที่เขตกทม. และอีก 9จังหวัด ..ไม่มีใครสงสัยในประเด็นการพยายามแก้ปัญหาจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มแคมป์คนงานก่อสร้าง แต่การสั่งล๊อคดาวน์เหมาเข่งทั้งหมด ทั้งร้านอาหาร, ภาคเอกชน, บริษัทขนาดกลาง-ใหญ่ ที่มีจำนวน 20คนขึ้นไป กระทบระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรงทั้งหมด ..ถามว่าจำเป็นมั้ย?




เข้าใจว่าท่านไม่ได้มีความรู้ที่ถ่องแท้เรื่องเศรษฐกิจ เป็นชายชาติทหาร กับกลุ่มแพทย์, นักวิชาการ ..แต่เราฝากให้ท่านลองย้อนคิดดูด้วยว่าปัญหาที่อยู่ใน ”พื้นที่เฉพาะ” อย่างการระบาดภายในแคมป์คนงาน จำเป็นมากมั้ยกับการต้องบังคับปิด ”ทั้งจังหวัด”




ในทีมท่านมีใครนั่งเคาะตัวเลขในเครื่องคิดเลขหรือไม่ ว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการ และประชาชนหาเช้ากินค่ำทั่วพื้นที่เป็นมูลค่ากี่หมื่นล้านบาท ถ้าต้องปิดทีเดียว 30วัน.. ซึ่งไม่จำเป็นซักนิด หลายประเทศอย่างออสเตรเลีย เค้าปิดกันเป็นสัปดาห์ ต่อสัปดาห์.. เรากำลังอยู่ในยุคที่ทุกอย่างต้อง agile คือเคลื่อนไหวเร็ว ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยให้ได้ประสิทธิภาพ ไม่ใช่บังคับใช้อำนาจแบบไม่มีการวางแผน และใส่กรอบเวลาแบบระบบราชการโบราณ “30 วัน”




แน่ล่ะ พวกท่านไม่เคยคิด.. ในความเป็นจริงท่านไม่เคยแคร์ด้วยซ้ำไป เพราะการเติบโตจากหน้าที่ข้าราชการ กินเงินเดือน กินเบี้ยเลี้ยงประชุมเดือนต่อเดือน ..ทำให้ท่านไม่มีมุมมองของผู้ประกอบการณ์ที่สร้างตัวจากการให้รายได้ โปะหนี้ที่ลงไปกับการลงทุน, คนหาเช้ากินค่ำ รับจ้างดิ้นรนให้ได้ค่าจ้างซื้อข้าวปลาให้ครอบครัวกินในทุกวันที่ผ่านพ้น ..ลองลดเงินเดือนพวกท่านลงซัก 35% คงพอทำให้คิดได้ดีขึ้น




◾30 วัน ที่ร้านอาหารหลายร้านต้องปิด.. เหมือนรัฐบาลบังคับให้เค้าปิดกิจการถาวร

◾30 วัน ที่พนักงานเสิร์ฟอาหารไม่มีงานทำ.. เหมือนรัฐบาลบังคับให้เค้าเดินทางออกนอกพื้นที่ ไปหางานทำที่บ้านเกิด หรือ ตามจังหวัดอื่นๆที่ไม่มีข้อบังคับ ..ซึ่งเท่ากับเป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง สำหรับมาตราการที่ต้องการจำกัดการแพร่ และเดินทางออกแบบนี้

◾30 วัน กับภาคเอกชนอื่นๆ โรงงาน, สถานบันเทิง, กองถ่าย, ศูนย์บริการต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายกันเองเนื่องจากไม่สามารถเปิดทำการได้




ที่สำคัญนี่คือรอบที่4 เข้าไปแล้ว และยังคงไม่มีการเยียวยาใดๆ ..นอกจากเสียงหัวเราะคิกคัก ในหมู่ผู้บริ-ทหาร ที่ชู 2นิ้ว แล้วบอกว่าสบายมากนะจ้ะ





ประเด็นไฮไลท์อีกเรื่องคือ “Integrity” หรือในภาษาไทยเรียกว่าความโปร่งใส ต่อขอบเขตหน้าที่ ที่สังคมควรตั้งคำถาม ทั้งนายกรัฐมนตรี และคณะศบค. ทั้งหมด เมื่อมีการแถลงข่าวว่าจะไม่มีการล๊อคดาวน์ใดๆ เมื่อวันก่อน ..แต่ดันมีการกลับคำ ถือใช้อำนาจมาล๊อคดาวน์ ในวันถัดมา”เวลาตี1” ช่วงเวลาหลับนอนของมนุษย์ทำงาน




แสดงถึงความไม่จริงใจกับประชาชนภายใต้การปกครอง แม้ว่าเจตนาคือการหลอกแคมป์คนงานที่เป็นแหล่งติดเชื้อ ไม่ให้เกิดการเคลื่อนย้ายก็เถอะ แต่การลวงคนทั้งประเทศไปด้วย โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายต่อทุกภาคส่วนที่ตามมา เป็นเรื่องที่ให้อภัยมิได้ นี่คือพิษส่วนหนึ่งที่เกิดจากรัฐบาลชุดนี้ ตลบหลังประชาชน




เจ้าของกิจการร้านอาหาร นอกจากสูญเสียรายได้ในการขายอาหารภายในร้านเป็นเวลาหนึ่งเดือน แย่ไปกว่านั้นคือ การที่สับขาหลอกพวกเค้าเมื่อวันศุกร์ ว่าจะไม่มีการล๊อคดาวน์ ทำให้หลายร้านอาหารยกหูโทรศัพท์ สั่งเพิ่มสต๊อกของสำหรับทำอาหารทั้งเดือนต่อไป ..นี่คิดเป็นความเสียหายโดยตรง ที่ทำให้ของวัตถุดิบการปรุงอาหารเน่าเสียจำนวนมหาศาล




◾ ประเทศนอร์เวย์ รัฐบาลมีการจ่ายค่าสต๊อคอาหาร, ดอกไม้, พืชพันธ์ุ แม้กระทั่งอาหารแห้งที่หมดอายุ สำหรับร้านค้าที่ได้รับผลกระทบ ตลอดช่วงเวลาที่ถูกปิดล๊อคดาวน์




..ล๊อคดาวน์ ไม่ใช่ทางออก เป็นแค่ทางหนีปัญหา ถ้าอยากเผชิญปัญหา รัฐต้องแก้ไปที่ต้นเหตุอย่างเรื่องแคมป์คนงาน ควรส่งเจ้าหน้าที่สาธาณสุขไปประกบตั้งแต่กลางสัปดาห์ แสดงตัวและเข้าช่วยเหลือ โดยการันตีไม่ให้มีการดำเนินเรื่องเข้าเมืองผิดกฎหมาย ไม่งั้นก็เผ่นแนบกันหมด อย่างที่มีภาพข่าวออกไป..




..ทุกวันนี้ วิธีแก้โควิดทั่วโลกที่effective ได้ผลที่สุด เห็นอยู่แล้วว่าไม่ใช่เอะอะล๊อคดาวน์ ห้ามตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อ ..หากแต่คือสร้างตัวเลขคนมีภูมิต้านทานให้ทัดเทียม หรือมากกว่า ..รัฐบาลทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีพอรึยัง?




หากล๊อคดาวน์ คือปิดบางส่วน เพื่อรักษาสถานการณ์โดยรวมให้ดีขึ้น..




คำถามเดียวก็คือ..




ถึงเวลาล๊อคดาวน์ “รัฐบาล” หรือยัง?

Previous
Previous

"กระทรวงเทคโนโลเทค” พักก่อนนะ.. ได้เวลาGovTech

Next
Next

“ซอฟท์โลน” ..ช่วยSMEs หรือช่วยไปไกลๆ?