ผลข้างเคียงดีๆ.. ที่วัคซีน มีกับเศรษฐกิจ
◾เศรษฐกิจจีนพุ่งขึ้น 18.3% ในไตรมาสแรกของปี2021 หลังฉีดวัคซีนโควิด (ซิโนฟาร์ม)ให้ 18%ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ คิดเป็น 253ล้านคน
◾อิสราเอล ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชากรไปแล้ว 62.6% รวดเร็วที่สุดในโลก ทำให้ยอดการจ้างงานพุ่งสูงขึ้นมากที่สุดในรอบหลายปี
หลายคนสับสน อีกหลายคนกลัว.. เมื่อพูดถึงการฉีดวัคซีนโควิด 19 ..ไม่แปลกครับ เพราะความกลัวนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยภาวะความไม่แน่ใจ ในความปลอดภัยทั้งสุขภาพกาย และความว้าวุ่นทางใจ และไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่มีmovement ความเคลื่อนไหวที่จะไม่รับการฉีดวัคซีน.. ตัดภาพไปที่ประเทศแม่อย่าง สหรัฐอเมริกา ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตวัคซีนอย่าง Pfizer และ Moderna ก็ประสบปัญหาเรียกประชาชนของเค้าให้เข้ามารับการฉีด แบบเดียวกัน ดูได้จากจำนวนประชากรที่ฉีดครบ 2เข็มไปแล้ว ที่มีไม่ถึง20% (ฉีดเข็มแรกไปแล้ว 45%) ซึ่งน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านเอเชียเรา อย่างบาห์เรนซะอีก
เหมือนฝรั่งต่างชาติ เมื่อลองอาหารไทยครั้งแรก อาจมีอาการ”นีโอโฟเบีย” รุ้สึกว่าเผ็ดมาก จนอยากคายออกมา
ความกลัวเหล่านี้ ตามทฤษฎีเรียกว่า “นีโอโฟเบีย“ (Neophobia) มนุษย์เมื่อเผชิญกับสิ่งใหม่ เราจะรู้สึกถึงความเสี่ยงที่ทวีคูณขึ้นหลายเท่าตัว.. หลายๆเสียงที่ได้ยินกันในสื่อโซเชียลคือ กลัวผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น หลังถูกฉีดวัคซีนบางยี่ห้อ เช่นอาการลิ่มเลือดอุดตัน (Blood Clot)
..แต่เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริงแล้ว อาการแทรกซ้อนแบบนี้แท้จริงแล้ว เกิดขึ้นน้อยมาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในเชิงสถิติ.. ประเทศชิลี มีผู้ที่ประสบภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หลังการฉีดวัคซีนซิโนแวค 42คน ..หลังทำการฉีดไปแล้วถึง 15ล้านคน คิดเป็นตัวเลข 0.00028% ..เทียบง่ายๆ คือทุก 3แสนคนที่ฉีด จะมีคนมีอาการ 1คน ..ซึ่งน้อยเอามากๆ
พูดถึงผลข้างเคียงกับมนุษย์กันไปแล้ว อีกด้านนึงคือ ผลข้างเคียงที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจ.. อัตราการฉีดวัคซีนเทียบกับจำนวนประชากรในประเทศนั้นๆ (Vaccination rate) มีผลมากๆกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศ อีกทั้งมีผลกับความมั่นใจของนักลงทุน, นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเลือกกลับมายังพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด เป็นที่หมายแรก.. เหมือนนักท่องเที่ยวจากประเทศเรา ที่ก็มองหาที่ๆปลอดภัยก่อนเป็นจุดหมายแรก ที่จะไปเที่ยวหลังโควิดซา
ตัวเลขจำนวนประชากรแต่ละประเทศ ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วอย่างน้อย 1เข็ม
◾ประเทศบาห์เรน กำลังจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และถูกจับตามองมากที่สุดของนักลงทุน หลังจากการฉีดวัคซีนไปถึงที่ตัวเลข 47%ของจำนวนประชากร
◾ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ประกาศว่าความขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นถึง 7.25% หลังจากตัวเลขการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเป็นที่น่าพอใจ โดยฉีดแล้วสูงถึง 52% เร็วเป็นอันดับ 2ของโลก
หลายๆประเทศรัฐบาลมองข้ามช็อต มุ่งเน้นฉีดวัคซีนให้ไวที่สุดกับพลเมืองในประเทศ ซึ่งเมื่อเกิน 60%ของประชากรแล้ว ซึ่งเป็นระดับที่สามารถสร้าง Herd Immunity ภูมิคุ้มกันหมู่ได้.. เค้าสามารถเปิดประเทศได้ก่อนใคร เพราะเมื่อมีประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกัน แปลว่ามีเสถียรภาพในการลงทุน มั่นใจว่าจะไม่มีระลอก5-6-7ตามเข้ามา ให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักอีก.. อีกทั้งหลายเมืองมีวิสัยทัศน์(กว่าเรา) ที่ต้องการกลับมาปังกว่าใคร เค้าเริ่มใช้การฉีดวัคซีนมาเป็นเครื่องมือการตลาดที่จะล่อนักท่องเที่ยวให้กลับเข้ามา เช่นเมืองนิวยอร์คซิตี้ และมัลดีฟ ที่มีแพคเกจล่อนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยว ถ้าอยู่ตามระยะเวลาที่กำหนด แถมการฉีดวัคซีนให้เลยที่สนามบิน
มัลดีฟ ทำวาระแห่งชาติกระตุ้นการท่องเที่ยว
โครงการ Vaccination Program เข้ามาเที่ยวแถมวัคซีน
ไม่ว่าคุณจะกลัวผลข้างเคียงของวัคซีน, ไม่ชอบการจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล หรือเหตุผลส่วนตัวอื่นๆ.. เมื่อดูภาพรวมจริงๆแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการฉีดวัคซีน มีผลดีโดยตรงกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับมหภาค และส่งผลกระตุ้นภาคSMEs แบบเต็มๆ ทั้งในส่วนยอดขาย, อัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ยังมีโอกาสสดใสกว่าในการต้อนรับลูกค้าใหม่ๆ จากภูมิภาคอื่น
กว่าจะผ่านถึงจุดนั้น ..ต้องผ่านด่านแรก คือการให้ความร่วมมือจากทุกคน ฉีดวัคซีนเพื่อสร้าง Herd Immunity กับสังคม
เพื่อหวังสร้าง Hurt Immunity ในระดับเศรษฐกิจ ภูมิคุ้มกันให้ผู้ประกอบการ
..ไม่เจ็บตัวอีกต่อไป